4 กฎแห่งพลังงานแห่งโลก ช่วยโลกใบนี้ รู้สิ่งนี้ชีวิตมีแต่ดีขึ้น เราชนะทุกปัญญา สู่ความสำเร็จ ฝ่าวิกฤตไอโมครอน! #saveจะนะ #4MIX
วันนี้ ผู้เขียนนำเรื่องกฎแห่งธรรมชาติของโลกใบนี้มาเขียน เชื่อว่าหลายคนอาจไม่รู้เรื่องนี้ หากคุณได้รู้คุณจะไม่ต้องกลัว โอไมครอน! ที่กำลังเข้ามาในประเทศไทยและทั่วโลก ชีวิตของเราอยู่ภายใต้กฎทั้ง 4 กฎนี้ ซึ่งเป็นกฎแห่งโลกใบนี้ รู้แล้ว #saveจะนะ บันทึกเก็บไว้ได้เลยคะ คุณจะชนะทุกปัญหา สู่ความสำเร็จง่ายๆ
ซึ่งผู้ที่สอนกฎแห่งธรรมชาติที่หลายคนรู้จักท่านเป็นอย่างดีก็คือ #แม่ซีศันสนีย์ ผู้เขียนเองชื่นชอบติดตามผลงานของแม่เสมอท่านสอนกฎแห่งธรรมชาติ กฎแห่งโลกใบนี้ตามหลักสัจธรรมได้อย่างเข้าใจชัดเจนมาก ผู้เขียนขอเป็นส่วนหนึ่งเดินตามท่าน และขอไว้อาลัยให้แก่ท่านผู้สอนหลักธรรมในแง่ธรรมชาติ
เรามาเข้าเรื่องกฎแห่งโลกใบนี้ ทั้ง 4 กฎนี้มีอะไรบ้าง หากใครที่เคยได้ยินมาเมื่อครั้งเรียนวิทยาศาสตร์หรือเรียนเอกภพของจักรวาลมาบ้างก็จะเข้าใจ แต่สำหรับบทความนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เอกภพคะ บทความเรื่องนี้เน้นเรื่องพลังงานแห่งความคิดและจิตใจเปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งชีวิตเราเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งจักรวาลโลกใบนี้ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกันเพราะมนุษย์เราเป็นพลังงานเช่นเดียวกับโลก
4 กฎแห่งช่วยโลกใบนี้ รู้สิ่งนี้ ชีวิตมีแต่ดีขึ้น สร้างความสำเร็จ มีกฎต่างๆ คือ :
1. กฎแห่งเอกภพ (THE LAWS OF THE UNIVERSE)
ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลกที่หมุนรอบตัวเองและโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์อีกต่อหนึ่ง
ปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ด้วยกฎแห่งความโน้มถ่วง (The law of gravity)
สำหรับข้อเท็จจริงที่ว่าดาวฤกษ์ที่มี
อยู่ในกาแล็กซี่ต่างก็อยู่ในภาวะดึงดูดซึ่งกันและกัน และที่ว่าดาวหางต่างก็โคจรไปในเอกภพเหมือนวิถีกระสุน
นั้นเราสามารถคำนวณได้ ทั้งฟากฟ้าทั้งมวลต่างก็เคลื่อนที่ไปในอวกาศตามกฎแห่งกลศาสตร์ฟากฟ้า (ควอนตัม)
2. กฎของเคปเลอร์ (KEPLER'S LAWS)
โคเปอร์นิคัส เป็นผู้เลิกล้มความเชื่อทางดาราศาสตร์นี้ลงไปได้อย่างสิ้นเชิงในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ด้วยการประกาศว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพ โดยมีดาวนพเคราะห์ทุกดวงซึ่งรวมทั้งโลกด้วยนั้นต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์อีกต่อหนึ่ง แต่เขาก็ไม่อาจจะอธิบายได้ว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 "เคปเลอร์" ก็เป็นผู้อธิบายได้ว่าการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร หลังจากที่ได้สังเกตการณ์และคำนวณแล้วหลายครั้งเขาก็ประกาศว่าดาวเคราะห์ทุกดวงหมุนรอบตัวเองและมีวงโคจรเป็นวงรีอย่างรูปไข่ (elliptical orbit) รอบดวงอาทิตย์ โดยเขาได้ตั้งกฎขึ้นมา 3 ข้อ สำหรับอธิบายลักษณะของการโคจรดังกล่าว
เมื่อ F คือ แรง (force) ระหว่างทั้งสองสิ่ง
M คือมวลของทั้งสองสิ่งนั้น
R คือ ระยะทางระหว่างทั้งสองสิ่งนั้น
G คือ ค่าคงที่ (ค่าคงที่ของความโน้มถ่วง : Gravity)
กาแล็กซี่ เนบิวลา และระบบดาวเคราะห์ทั้งหลายต่างดำรงอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ เป็นเพราะแรงความโน้มถ่วง (Gravition Force) ตามกฎแห่งความโน้มถ่วงทั่วไป (The Universal Law of Gravitation) ทั้งสองสิ่งดึงดูดซึ่งกันและกันในลักษณะที่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับมวลและเป็นสัดส่วนผกผันกับระยะทางระหว่างทั้งสองสิ่งนั้นยกกำลังสอง ทำไมเราต้องเรียนรู้เรื่องนี้เพราะมนุษย์มีมวลสารและคลื่นพลังงานเช่นเดียวกัน
3. กฎแห่งความช้า และรอกาลเวลา
ด้วยเหตุนี้เอง ตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบัน มนุษย์พยายามสร้างสิ่งต่างๆที่มีความเร็ว และมนุษยพยายามหาขั้นตอนและวัดความช้า หาวิธีการต่างๆด้วยความมุ่งมั่นจึงเกิดความวิตกกังวล เช่น หาความรวดเร็วในการแก้ปัญหาการติดเชื้อและความคิดเกี่ยวกับการแก้ไขความวิตกกังวล ดังจะเห็นในยุคปัจจุบันเราก็พยายามหาวิธีรักษาโรคโควิดซึ่งแก้ไขภัยจากธรรมชาติ
ผู้คิดค้นหาวิธีได้สำเร็จมักทำให้เกิดความมั่งคั่งมากมาย แต่ก็นำมาซึ่งความวิตกกังวลและความทุกข์ยากของมวลมนุษยชาติในแต่ละยุคสมัยเสมอ เมื่อไรมนุษย์สร้างเครื่องมือกำหนดความเร็วแก้ไขความเป็นธรรมชาติ มันคือการฝืนกฎธรรมชาติ ภัยพิบัติต่างๆก็มักแอบแฝงเข้ามาพร้อมกับการสร้างสิ่งต่างๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนธรรมชาติเสมอโดยเรามองไม่เห็น
การที่มนุษย์พยายามสร้างเครื่องมือแก้ไขปัญหาความทุกข์วิตกกังวลหรือสร้างความนิยม ต่างๆ นั่นคือ “การละเมิดกฎธรรมชาติบางอย่าง” นี่คือ“ กฎแห่งความช้า”
ในจักรวาลและโลก ที่เราเห็นดวงดาวบนโลก มันผ่านการวิวัฒนาการเป็นระยะเวลานานหลายร้อยโลก แต่สำหรับเราเมื่อเกิดมาเราเห็นมันแล้วเราอาจรู้สึกว่าไม่นาน แต่เราก็รู้ว่าการเดินทางของแสงนั้นเป็นเวลาหลายพันปีแสงและเราก็ไม่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า
มนุษย์ก่อสร้างวัตถุอันใหญ่โตโอฬาร โดยใช้เวลาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปีเกินอายุขัยของคนคนหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัยว่าตัวเขาจะเห็นผลหรือไม่ เช่น กำแพงเมืองจีนนครวัดและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
การสร้างสิ่งต่างๆ สมัยหนึ่งใช้แรงงานของมนุษย์โดยที่มีค่าใช้จ่ายและเงินในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจ (เช่น สารเคมี ระเบิดนิวเคลียร์) มนุษย์เริ่มมีความคิดที่จะฝืนโลกมากขึ้นเรียกว่าฝืนกฎของความพอดี ยื่นข้อเสนอข้อยกเว้นของความเร็ว โดยเรียกความแตกต่างต่างๆว่า ความเจริญเป็นเหตุให้มนุษย์มีอาการผิดปกติด้านอารมณ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิ่งออกจากกฎ ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและอนาคต นั่นคือ ฝืนวิถีชีวิตที่แท้จริงของโลกและกฎแห่งการช้า
ธรรมชาติของโลกภายในของมนุษย เริ่มจากความรู้สึกของตัวเราเอง มันคือกฎธรรมชาติที่กำหนดชีวิตของคุณ คนที่รู้ทันอารมณ์ความรู้สึกมีความอดทนสัมพันธ์ทางสังคมและมนุษย์ได้ดีชีวิตมักจะนำพาให้สำเร็จได้ง่ายกว่าคนไม่รู้กฎธรรมชาติข้อนี้ อายุขัยเกิดจากอารมณ์ของมนุษย์ที่ส่งความรู้สึกมากมาย เช่น ความรู้สึกกลัวต่างๆ กลัวโลกดินแดนแห่งความตาย ดินแดนแห่งความตายเป็นกฎธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโลก ตายแล้วเกิดใหม่เป็นกฎธรรมชาติ
การใช้เวลาความช้า
วรรณกรรมที่ดีมักจะเป็นมหากาพย์หรือเรื่องราวที่ยืดยาวใช้เวลานานจะจบลงด้วยการเล่าเรื่อง เช่น อุรุกวัยหรือเพลงคลาสสิกที่มีหลายรูปแบบและบรรเลงอย่างต่อเนื่องภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ก็ต้องใช้เวลา
เช่นนี้ เราเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ในชีวิตของเรา เรามักจะเห็นว่ามีความหลากหลายมากขึ้น
แต่ด้วยความสามารถในการสร้างความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ กฎแห่งความช้า กำหนดว่า ยิ่งเราต้องการความเร็วมาก เราจะได้รับความล่าช้ากลับมา เช่น เราต้องการเงินแต่จิตใจตกอยู่ภายใต้ความเครียดกังวลวิตก ยิ่งทำให้ได้รับเงินช้าลงหรือไม่ได้รับเลย
สังคมที่เรามีปัญหาเพราะมนุษย์ฝืนธรรมชาติมากขึ้นโดยการใช้ข้อจำกัด (ความเร็ว) มาเป็นกฎความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นจากสื่อสมัยใหม่เน้นที่ความเข้มข้นอย่างรวดเร็ว เชื่อโซเชียลมีเดีย มันอาจมีประโยชน์ในบางเรื่อง แต่ก็มีโทษมหันต์ในหลายๆ เรื่องในด้านการศึกษา ในทุกวันนี้มนุษย์นำเอาข้อยกเว้นมาเป็นกฎโดยอ้างเหตุผลความรวดเร็วมากขึ้น แต่การเรียนรู้ที่สมบูรณ์จะต้องอยู่ภายใต้กฎ “ความช้า” มากกว่าคนที่ไม่เคยเข้าโรงเรียน
โลกอนาคต จะหวนกลับมาเป็นโลกแห่งความช้าจะมีการเร่งความเร็วในด้านการสื่อสาร แต่ก็ไม่ได้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่จะสร้างความรู้สึกให้มนุษย์มีความต้องการสิ่งต่างๆ ให้เกิดความรวดเร็ว ความต้องการจะกลายเป็นธรรมชาติมากขึ้น ความรู้สึกของมนุษย์จะเปลี่ยนไป
“มีกาลเวลา” หมายถึง ร่างกายของเรามีกาลเวลา เราจะต้องใช้เวลาทุกๆ สิ่งไม่สามารถได้รับผลลัพธ์ในทันที พวกเรามักต้องรอกาลเวลา หลายคนจะได้ยินทำบุญ ทำดี ทำไมได้รับช้าจัง แต่ทำไม่ดี ทำไมรวยๆ เอาๆ กฎแห่งกาลเวลาของธรรมชาติ ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ต้องรอกาลเวลา สำหรับคนที่มองว่า คนๆนั้นทำชั่วทำไมได้ดี ทุกอย่างมีเหตุและผลของมันไม่ใช่เพราะเขาได้รับบุญในชาติก่อนที่หลายคนเข้าใจ มันเป็นเหตุและผลในชาตินี้ทั้งนั้น ที่ทุกสรรพสิ่งจะต้องได้รับ เราเกิดมาเราทำสิ่งไหนเป็นต้นเหตุไว้และผลมันก็มักตามมาตามกาลเวลาของมัน
และนอกจากนี้เราจะไปไหนมาไหน เราก็ต้องใช้เวลา เช่น เราจะเดินทางไปสถานที่บางแห่งเราก็ต้องใช้เวลาเดินทาง
เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องใช้เวลารักษา ความรักก็ต้องใช้กาลเวลาศึกษากัน ฉะนั้น
เราอยู่กับกาลเวลา
“ไม่มีกาลเวลา” หมายถึง จิตสำนึก และจิตใต้สำนึกของเรา (จิตวิญญาณ) ไม่มีกาลเวลา จิตทั้งสองจิตของเราสามารถท่องหรือเดินทางไปที่ไหนก็ได้ อยากจะไปอดีต อยากจะไปอนาคต อยากจะไปที่ไหนมันเดินทางไปได้ตลอดเวลา แค่กำหนดจิตจินตนาการถึงสิ่งนั้น จิตเราก็เดินทางไปทันที ลองคิดดูสิทุกวันนี้เราตื่นนอนเราก็ใช้มัน เราใช้มันจนถึงกระทั่งเรานอนหลับ ตอนนี้คุณกำลังใช้มันอยู่ทุกๆวัน โดยนึกภาพอดีตและอนาคตตลอดเวลา แต่คนส่วนใหญ่นึกถึงความทุกข์เศร้าความเครียดวิตกกังวลไม่ได้นึกถึงความสุข นั่นไม่แปลกทำไมคนสวนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเรามักจินตนาการหรือมโนภาพด้านไม่ดีด้านไม่ปรารถนา
หากวันนี้เราต้องการความสำเร็จ เราแค่ใช้จิตใจของเราไปจินตนาการเฉพาะเป้าหมายความฝันที่เราต้องการ เมื่อจิตใจเราท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ด้วยความรู้สึกดีมีความสุข กายของเราจะตามไป คือ ความจริงจะเริ่มก่อตัวเกิดขึ้นเป็นจริงในชีวิตของเรานั้นเอง มันเป็นกฎธรรมชาติ ความจริงเริ่มจากจิตใจเราเสมอ
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำนี้ เราได้ยินกันเสมอ หมายถึง เราคิดก่อนและกายลงมือทำตาม
คำว่า
“คิดดีได้ดี”
คำว่า
“คิดแบบไหน ได้แบบนั้น”
คำว่า “ความคิด คือ
อนาคตของคุณ”
ชีวิตเราเกี่ยวกับโลกเพราะจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคนเป็นพลังงานคลื่นความถี่เป็นควอนตัม และร่างกายของมนุษย์มีส่วนต่างๆผสมเสมือนเช่นเดียวกับโลกใบหนึ่ง โลกเป็นแบบไหนมนุษย์เป็นแบบนั้น ยิ่งฝืนธรรมชาติย่อมมีภัยวิบัติเข้ามาในชีวิตเสมอ
หากเราเข้าใจทั้งสี่กฎนี้ ใช้ชีวิตตามกฎธรรมชาติ มีสติรับรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้ชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน ส่งคลื่นพลังงานดีๆออกจากตัว รักษาระดับคลื่นพลังงานภายใน เราจะพ้นทุกวิกฤตที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ชีวิตครอบครัว ความสัมพันธ์ความรัก การเงิน และสุขภาพ โรคร้ายหนีหายไม่ต้องกังวลกับไอโมครอนที่กำลังเป็นกระแส
ปิดท้ายด้วยคลิปวีดีโอการค้นพบกฎธรรมชาติ กฎแรงดึงดูด กฎแห่งควอนตัม ซึ่งเป็นพลังงานมีอยู่ในโลกใบนี้ วิ่งไปมารอบตัวเราและโลกใบนี้ โดยการค้นพบของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และมันเกี่ยวข้องกับความคิดและจิตใจของเรา มันสร้างความสำเร็จให้คุณหากคุณเข้าใจตื่นรู้สิ่งนี้
คลิปที่ 1 สารคดีโลกของควอนตัม เอกภพจิ๋ว <<คลิก >>
คลิปที่ 2 สารคดีภาพยนต์ความลับของสมองและเวลา <<คลิก>>
คลิปที่ 3 ความลับของสมอง สู่ความร่ำรวยและความสำเร็จในชีวิต <<คลิก>>
บทความนี้เป็นเพียงบ้างส่วน หากต้องการรายละเอียดเจาะลึกสามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากตัวอย่าง E-book อ่านฟรี
บทความนี้ ที่เกี่ยวกับกับกฎแห่งโลก กฎจักรวาลสร้างความสำเร็จได้ ตามด้านล่างคะ
ความคิดเห็น