สงคราม ชนะใจคน จูงใจมิตร เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรถาวร สร้างความสำเร็จทวีคูณ เคล็ดลับใช้จิตวิทยา 1% โน้มน้าวใจคน

วิธีอยู่เหนืออารมณ์และความคิดผู้คนและตัวเอง

วิธีจูงใจคนและชนะมิตรพิชิตเป้าหมาย แค่เรียนรู้จิตวิทยา คุณสามารถชนะใจคนอย่างง่ายๆ

พิชิตใจคน สร้างมิตร สร้างความสำเร็จ ประตู้ด้านแรกคุณจะต้องชนะอารมณ์และความคิดของคุณ หนังสือเล่มนี้ บอกวิธีเอาชนะใจผู้คนและตัวเองง่ายๆ เข้าใจจิตใจของผู้คน ทำอะไรก็สำเร็จง่ายเร็ว

วิธีชนะตัวเองสู่ประตู้หัวใจผู้อื่น เริ่มที่ตัวคุณสงบ คุณย่อมชนะใจคนอื่นและสังคมได้ เราทุกคนสามารถสร้างความสำเร็จจากสังคมนี้และสร้างความสุขได้ ด้วยจงใจสร้างมันให้เกิดขึ้น ตั้งจิตให้มั่น ให้ใจรู้สึกดี รู้สึกสงบ เต็มเปี่ยมด้วยความสุข ความรัก เมตตา และความปรารถนา ความฝันสามารถสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้ด้วยจิตใจของคุณ

การที่เราจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะทำงานเป็นลูกจ้าง หรือคุณจะเป็นนักธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ค้าขาย หรือคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ ความสำเร็จของคุณล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับผู้คน สังคม สิ่งที่จะทำให้คุณสร้างความสำเร็จรวดเร็จ คุณจะต้องเรียนรู้ คือ วิธีการเอาชนะใจคน และจูงใจ ผู้คน การรับมือและการโน้มน้าวใจคนอื่นๆ

หนังสือนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้คุณเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการพัฒนาตนเอง ฝึกทักษะใหม่ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณรับมือกับคนอื่นๆ โดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณเองที่สร้างปัญหาทำลายความสำเร็จ โดยจะเริ่มเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ด้วยวิธีการเรียนรู้ทักษะการรับมือกับคนอื่นๆ เป็นพื้นฐานของผู้นำที่ดี

ผู้เขียนได้นำหลักการพื้นฐานพร้อมตัวอย่างของการโน้มน้าวใจคนอื่น และข้อคิดต่างๆ ที่ยังใช้งานได้ดีเสมอทุกยุคทุกสมัย

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา คนที่เข้ากับคนอื่นๆ ได้ยาก ฝึกฝนการรับมือกับคนอื่นๆ เพราะในแต่ละวันเราอาจต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับคนอื่นๆ ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง หนังสือเล่มนี้จะเป็นเครื่องมือ เป็นแนวทางให้เราเอาชนะใจคนอื่นได้

การรับมือและการโน้มน้าวใจคนอื่นๆ เป็นศิลปะ เรียนรู้และฝึกฝนพื้นฐานที่สำคัญ ตระหนักถึงความสำคัญ ทบทวน และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ใช้ในทุกๆ โอกาสที่เรานึกขึ้นได้ ยิ่งเราฝึกฝนมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้นึกขึ้นได้เร็วมากขึ้น

ในหนังสือเล่มนี้ ยังมีข้อคิดดีๆ อีกหลายอย่าง ที่จะช่วยให้คุณได้ใจคนอื่น ทำให้คนอื่นชอบคุณมากขึ้น ผู้เขียนมุ่งหวังให้หนังสือเล่มนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก สร้างสรรค์ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ทำให้ทุกคนสร้างสรรค์สิ่งใหม่เกิดประโยชน์สูงสุด การชนะใจผู้คนได้ คุณจะต้องชนะใจตัวเองเป็นสิ่งแรกก่อน และการชนะใจผู้อื่นเริ่มจากความจริงใจ ด้วยคำพูด ถ่อมตน ย่อมทำให้เกิดมิตรขึ้นได้ ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นกับคุณอย่างง่าย

ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วน บทที่ 1

บทที่ 1 ชนะอารมณ์และความคิด

วิธีการจัดการอารมณ์และความคิด

สงครามครั้งนี้ อันดับแรกที่คุณจะต้องจัดการ คือ จัดการอารมณ์และความคิดของคุณ ให้ในชีวิตประจำวันของคุณมีแต่เรื่องราวดีๆเข้ามาในชีวิต แน่นอนคุณจะต้องตอบว่าเป็นไปได้ยาก เพราะฉันมีเรื่องราวมากมายที่ต้องคิด

เพราะฉะนั้น หากวันนี้ คุณมีหลายเรื่องราวเข้ามา มีปัญหาในชีวิตต้องจัดการ วิธีการจัดการ คุณจะต้องตั้งมือรับกับเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างไร ลองมาดูเทคนิคที่ช่วยจัดการอารมณ์และความคิดของคุณ

สิ่งที่คุณต้องตั้งรับดังนี้

ความรู้สึกตัว : มีสติ

เมื่อไรก็ตามที่เกิดความรู้ตัวด้านอารมณ์ขึ้น จะส่งผลให้อารมณ์ดังกล่าวลดความรุนแรงลง ดังเช่น คนที่รู้ว่า “ฉันกำลังโกรธ” จะลดความโกรธลงได้ คนที่รู้ตัวว่า “ฉันกำลังหงุดหงิด” จะลดความหงุดหงิดลงได้ ทำให้สามารถใช้เหตุผลตัดสินใจได้ดีขึ้น

การหายใจ

การมีสติรับรู้ลมหายใจเข้าออกถือว่าเป็นการทำสมาธิให้อารมณ์และจิตใจกลับเข้าสู่ภาวะสงบ ซึ่งควรเริ่มทำในท่านอนจนทำได้แล้ว ค่อยขยับมาทำท่านั่งและยืน จนเป็นนิสัยการหายใจที่ผ่อนคลาย เทคนิคการหายใจมีหลากหลายแตกต่างกันออกไป สำหรับวิธีง่ายๆ ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ คณนา (counting) ที่นับควบคู่ไปกับการกำหนดลมหายใจเข้าออก และใช้คำภาวนา เช่น “พุท-เข้า โธ-ออก” หรือ “พองหนอ-ยุบหนอ” เป็นต้น ซึ่งเป็นรากฐานเดียวกับการทำโยคะ หรือการนั่งสมาธินั่นเอง

การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

สามารถทำได้กับกล้ามเนื้อทุกส่วนที่รู้สึกเครียด โดยเริ่มจากอิริยาบถที่อวัยวะทุกส่วนผ่อนคลายและสบายมากที่สุด แล้วค่อยๆ ผ่อนกล้ามเนื้อส่วนดังกล่าวจนรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด โดยวิธีนี้จะช่วยกำจัดอาการปวดหัว อาการปวดทั่วไป และอาการนอนไม่หลับ ได้เป็นอย่างดีด้วย

การฝึกควบคุมประสาทอัตโนมัติ

วิธีง่ายที่สุดคือการฝึกฝ่ามือร้อน ด้วยการตั้งฝ่ามือในระดับทรวงอก หันฝ่ามือเข้าหากันโดยเว้นช่วงห่างประมาณ 2-3 นิ้วฟุต หลังจากนั้นขยับฝ่ามือออกจากกันช้าๆ จนห่างพอควรแล้วขยับเข้ามาใกล้กันอีก ทำอย่างนี้เป็นจังหวะช้าๆ จับความรู้สึกของฝ่ามือทั้ง 2 ข้างด้วยสมาธิจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นบนฝ่ามือ ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดบนฝ่ามือขยายตัว ทำติดต่อกันอย่างน้อย 5-10 นาที

การจินตนาการ

นอกจากเราสามารถจินตนาการถึงสิ่งสวยงามเพื่อคลายเครียด เราอาจประยุกต์ใช้วิธีการของจิตบำบัดซึ่งจะช่วยให้เกิดผลดีมากขึ้นอีกด้วย นั่นคือให้คิดถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการกลัวในขณะที่กำลังอยู่ในสภาพผ่อนคลาย วิธีนี้เริ่มต้นจากการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายก่อน จากนั้นค่อยนึกภาพสิ่งเร้า (สิ่งที่ทำให้เกิดความกลัว) เป็นลำดับขั้น จากระดับที่ก่อให้เกิดความกลัวน้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด ทั้งนี้การเผชิญหน้ากับความทุกข์ในสภาพผ่อนคลายช่วยทำให้เกิดอารมณ์ทางบวกและความสงบในที่สุด

คิดในทางที่ถูก ในแง่ดีต่อชีวิต

ในทางวิทยาศาสตร์พบว่าความคิดสัมพันธ์กับสมอง เมื่อคิดอย่างหนึ่งสมองก็จะตอบสนองไปตามนั้น เช่น เมื่อคิดถึงสุขภาพภายใต้ความเครียด ความกดดัน หรือความซึมเศร้า อาการปวดจะรุนแรงที่สุด เมื่อผ่อนคลายหรือกำลังมีความสุข ความเจ็บปวดก็จะลดลง ดังนั้น ความคิดสามารถกำกับกายให้เป็นสุข หรือ เป็นทุกข์ได้ ในทำนองเดียวกัน ด้วยวิธีคิดและการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ก็สามารถกำกับใจ ให้มีความสุขและผ่านพ้นทุกข์ได้ ดังเช่นคนที่เข้าใจความเป็นจริงว่ามนุษย์มีโอกาสและฐานะไม่เท่าเทียมกัน แต่เราทุกคนมีโอกาสเผชิญภาวะของความทุกข์เท่าเทียมกัน ก็ย่อมมีภูมิต้านทานในการเผชิญความทุกข์ได้ดีกว่า หรือคนที่สามารถปรับเปลี่ยนการแสวงหาความสุขบนปัจจัยภายนอกมาเป็นการหาความสุขจากปัจจัยภายในที่ยั่งยืนกว่าด้วยการพึงพอใจในตัวเองและสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ย่อมเป็นสุขได้ง่ายกว่า และเป็นทุกข์ได้ยากกว่าคนที่ฝากความสุขไว้กับสิ่งเร้าภายนอก อีกทั้งยังน่าจะป้องกันตัวจากความทุกข์ต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

คิดเชิงบวก มองโลกในแง่ดี

ความคิดทางลบของเราเอง เช่น คิดแต่สิ่งที่สูญเสีย จมอยู่กับภาพอดีต มองโลกในร้าย กลัวการเปลี่ยนแปลง ความกลัวต่างๆ วิตกกังวล คิดถึงอนาตด้านลบ ฯลฯ ย่อมเป็นบ่อเกิดของความเครียด ยิ่งต้องเผชิญความกดดันต่างๆรอบตัว ความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นสาเหตุของความทุกข์ใจร่วมด้วย เมื่อสองแรงมาผสานกัน ความเครียดกับความคิดทางลบจะสะสมกลายเป็นความวิตกกังวล หรือนานไปก็กลายเป็นความท้อแท้สิ้นหวังและซึมเศร้าในที่สุด

ดังนั้นนอกจากต้องผ่อนคลายความเครียดด้วยการจัดการทางอารมณ์ การจัดการกับความคิดก็จะช่วยขจัดทุกขภาวะระยะยาวได้ โดยวิธีการหลักก็คือปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ให้เป็นความคิดทางบวก (positive thinking) ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดพลังในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาโอกาสท่ามกลางอุปสรรค (turning obstacle into opportunity) ทำให้เรามองเห็นประโยชน์ของปัญหา ตัวอย่างเช่นเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้ที่สูญเสียฐานะและกิจการก็จะเกิดความทุกข์ใจ แทนที่จะมองแต่ด้านที่ตนสูญเสียไปแต่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ว่ายังมีสิ่งดีๆ ด้านอื่นเหลืออยู่ในชีวิต เช่น มีเวลาให้กับตนเอง

การคิดในทางบวกนี้ยังมีประโยชน์ในระยะยาว นั่นคือ ช่วยให้มองปัญหาเป็นบทเรียนสำหรับที่จะปรับปรุงสิ่งบกพร่องต่อไปได้

จัดการอารมณ์ด้านลบ

“อารมณ์” คือ อนาคตของคุณ หากคุณควบคุมอารมณ์ไม่ได้นั้นหมายถึง อารมณ์เป็นเจ้านายชีวิตของคุณ หากคุณอยู่เหนืออารมณ์นั้นหมายถึงคุณเป็นเจ้านายอนาคตคุณกำหนดได้

อารมณ์นั้น สามารถเป็นได้ทั้งเพื่อนที่แสนดี หรือเป็นศัตรูที่น่ากลัว เมื่อกล่าวถึง “อารมณ์เชิงบวก” เช่น ดีใจ มีความสุข สนุกสนาน ทุกคนมักอ้าแขนเปิดรับอย่างเต็มที่… กลับกัน หากพูดถึง “อารมณ์ด้านลบ” เช่น โกรธ กลัว โมโห ซึมเศร้า กังวลใจ ทุกคนต่างพยายามปิดกั้น และหลีกหนี

ในโลกแห่งความจริง เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงอารมณ์ต่างๆ ได้ ทุกวัน เราต้องเจอะเจอกับอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งของตนเองและผู้อื่น สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ คือ “ต้องรู้เท่าทันและรีบจัดการอารมณ์” ไม่ให้มีอิทธิพลเหนือตัวเรา