เปิดความลับคนเหนือธรรมชาติ เปิดตาที่ 3 ต่อมไพเนียล (Pineal Gland) คลื่นพลังงานดึงดูดภายในตัวมนุษย์ โดยวิทยาศาสตร์ ดร.โจ ดิส เพนซ่า [ Dr.Joe Dispenza]

ต่อมไพเนียล(Pineal Gland) จุดกำหนดเปิดตาที่ 3 และคลื่นพลังงานดึงดูดภายในตัวมนุษย์ ได้ถูกค้นพบโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา โดย ดร. โจ ดิสเพนซา และนักวิทยาศาสตร์อีกหลากหลายท่านด้วยกัน

สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนจะนำพาเพื่อนๆ ผู้อ่านไปได้รู้ความลับที่ถูกเปิดเผยออกมาซึ่งโด่งดังมากในช่วง 5 ปีที่ผ่าน โดยเฉพาะช่วง 1 ปีนี้ในประเทศไทยดังมาก เนื่องจากถูกเขียนขึ้นในหนังสือที่โด่งดังรวมถึงกล่าวขานกันมากในโซเซียลมิเดียล เช่น FB, YouTube

นอกจากนี้ ก็มีการแบ่งปันคลิปบทคำสัมภาษณ์ของ ดร.โจ ดิสเพนซ่า และการวิจัยของท่านในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ โดยท่านได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลรวมถึงการทดลองวิจัยตนเองและทีมผู้เชียวชาญมาหลายครั้งจนกระทั่งได้พบว่า สมองเรามีต่อไพเนียลสำคัญซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อจุดกำเนิดการเปิดตาที่ 3

โดยหากเราจะเปิดตาที่ 3 จะต้องนำหลักของการใช้สมาธิและการอยู่กับปัจจุบันเชื่อมต่อพลังงานเท่านั้น นอกจากนี้ ดร.โจ ดิส เพนซ่า ยังพูดถึงศูนย์พลังงานภายในร่างการมนุษย์และการเชื่อมต่อกับพลังจักรวาลหรือที่เรารู้จักกันว่าเป็น สนามพลังงาน รวมถึงพลังงานควอนตัวฟิสิกส์ ซึ่ง ดร.โจ ดิส เพนซ่า ได้ดำเนินการทดสอบวิจัยต่อไพเนียลดังกล่าว มันเห็นถึงความมหัศจรรย์มากมาย ผ่านผลงานวิจัยงานเขียนของท่านหลากหลายเล่มให้เราได้เห็นกันมาแล้ว

แต่เรื่องราวนี้พึ่งมาโด่งดังในประเทศไทยประมาณได้ 1 ปีเอง เพราะกลุ่มผู้รักที่สนใจศึกษาด้านวิทยาศาสตร์กับชีวิตมนุษย์ และกลุ่มผู้ศึกษากฎแรงดึงดูดด้านควอนตัมกำลังศึกษากัน ณ ปัจจุบันนี้ รวมถึงกลุ่มคนที่ไปศึกษาจากต่างประเทศแล้วนำมาแบ่งปันผ่านหนังสือหรือเล่าเรื่องราวถึงความมหัศจรรย์ของควอนตัมและต่อไพเนียล ทั้งคนไทยที่อยู่ต่างประเทศที่ชื่นชอบกฎแรงดึงดูดด้านวิทยาศาสตร์ก็นำข้อมูลเหล่านี้ออกมาแบ่งปันให้กับคนไทยได้รู้จักกันในหลากหลายช่องทางตามสื่อสารไร้พรมแดนในยุคแห่งดิจิทัล โซเซียลมิเดีย ออนไลน์ อาทิ เฟสบุ๊ก ยูทูป

นอกจากนี้ ก็มีการหยิบยกหนังสือของ ดร.โจ ดิสเพนซ่า และวีดีโอสัมภาษณ์ต่างๆ ของท่านนำมาแปลภาษาแบ่งปันในกลุ่มผู้รักการเรียนรู้ หรือผู้สนใจพัฒนาตัวเอง ที่เรียกตัวเองว่า "คนรุ่นใหม่ กฎแรงดึงดูด ธรรมะโดยธรรมชาติในยุคแห่งวิทยาศาสตร์ ควอนตัม"

หากเราพูดถึง กฎแรงดึงดูด เราจะเข้าใจว่า เป็นพลังจักรวาลตามที่มีการกล่าวขานจากหนังสือที่่โด่งดังจากทางฝั่งตะวันตกหรือประเทศฝรั่ง ยุปโรป โดยเฉพาะหนังสือที่คนไทยเรารู้จักกันอย่างดี ที่กล่าวถึงพลังจักรวาล กฎแรงดึงดูด หากเราต้องการความสำเร็จ มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพดี ต้องขอจักรวาล โดยวิธีการ 3 ประการ คือ "ขอ เชื่อ และยอมรับ" ต้นกำหนดมันมาจากหนังสือที่โด่งดังชื่อว่า "The Secret เดอะซีเคร็ต"  

หลายครั้ง หากพูดถึงกฎแรงดึงดูดคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จัก หรือบางคนอาจรู้จักแต่ไม่เชื่อ พวกเขามักจะถามว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่  มันสร้างขึ้นมาเพื่อความโลภหรือไม่  มันเป็นแค่คำๆ หนึ่งที่ใช้สำหรับหาเงินของพวกขายสินค้าหรือไม่  คำนี้เป็นกลยุทธ์ของกลุ่มขายตรงใช้หาเงินกันหรือไม่  

เนื่องจากกระแสกฎแรงดึงดูดเข้ามาช่วง 10 ปีที่แล้ว มาพร้อมกับการขายตรง หรือการขายแบบเครือข่ายที่นำไปใช้สร้างแรงบันดาลใจหรือปลุกพลังในการขาย เพื่อเป้าหมายวัถุประสงค์ความสำเร็จจากยอดขาย เรื่องขายจึงถูกนำไปเสื่อมโยงกับกฎแรงดึงดูดสร้างความสำเร็จในยุคเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้จนถึงทุกวันนี้สำหรับตัวผู้เขียนเอง ก็ได้รู้จักกฎแรงดึงดูดในช่วงยุคสมัยนั้นเมื่อ 10 ปีก่อน จากเพื่อนแนะนำให้ดูวีดีโอและอ่านหนังสือ 

เรามาต่อ สำหรับต่อไพเนียลหรือพิเนียลคะ เมื่อกล่าวถึง ดร.โจ ดิส เพนซ่า ตอนนี้เขากำลังโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักการพัฒนาตนเองชอบการศึกษากฎแรงดึงดูด และคนรักสุขภาพ ทุกคนล้วนแล้วจะรู้จักกันเป็นอย่างดี คนไทยเราก็เช่นกันคะ

เรื่องต่อมไพเนียลกับตาที่ 3 สำหรับประเทศไทยของเรา พึ่งจะกล่าวถึง ดร.โจ ดิสเพนซ่า ได้ประมาณ 1-2 ปีเองเนื่องจากท่านเป็นทั้งหมอ นักบำบัดและเป็นโค้ช ครูสอนด้านพลังบวก สอนสมาธิ และพูดถึงการสร้างภาวะอารมณ์เชิงบวก ในช่วงเวลาที่เกิดความกลัว หรือตกอยู่ในภาวะอารมณ์ด้านไม่ดี ด้านลบๆ ต่างๆ

ดร.โจ ดิส เพนซ่า ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยค้นคว้ามาเป็นเวลายาวนาน ค้นคว้าหาคลื่นพลังงานทั้งภายในตัวมนุษย์และทั้งโลกจักรวาลนี้ และได้พูดถึงการค้นพบพลังงานที่เรียกว่า "ควอนตัม" และต่อมไพเนียล รวมถึงสมาธิ การอยู่กับปัจจุบัน

ท่านได้เล่าเรื่องราวผ่านหนังสือที่เขียนขึ้นเองได้บอกถึงความวิเศษจากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถึงความลับคลื่นศูนย์พลังงานภายในร่างกายมนุษย์และความลับเรื่องตาที่ 3 การเปิดตาที่ 3 และการนั่งสมาธิด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์

จากเนื้อหาหนังสือของท่าน ผู้เขียนเข้าใจถึงจิตวิญญาณของ ดร.โจ ดิส เพนซ่า พยายามเน้นแก่นแท้แห่งชีวิตที่ดำเนินไปตามกฎธรรมชาติและกฎพลังงาน โดยระบุถึง "ควอนตัม" วิทยาศาสตร์ที่เขาค้นพบพลังชีวิตของมนุษย์อยู่ภายใต้ "คลื่นพลังงานของอารมณ์ความรู้สึก"

ยิ่งเรารู้สึกด้านดีๆ บากๆ พลังงานชีวิตจะเกิดขึ้นไปทั่วทั้งกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของเรา มันจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งหากเราอยู่กับปัจจุบัน หมั่นฝึกสมาธิ เราจะเข้าสู่จิตเดิมแท้หรือจิตใต้สำนึกของเรามันจะตื่นแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาพยายามสื่อสารบอกเราด้านวิทยาศาสตร์ที่เขาค้นพบ มันตรงกับหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นก่อนวิทยาศาสตร์

ดร.โจ ดิส เพนซ่า เขาบอกว่าเราจะมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต คือ สุขภาพดี ชีวิตดีทุกด้าน เพียงแต่เราจะต้องอยู่กับภาวะด้านบวก อยู่กับปัจจุบัน สร้างความรู้สึกดีๆให้กับตัวเอง หรือคิดบวก ศาสนาเราสอนให้อยู่กับภาวะด้านธรรมคือภาวะภายใน โดยเขามุ่งเน้นให้จิตใจอยู่ด้านบวก เช่น ความรัก ความเมตตากรุณา เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที 3 ครั้งต่อวัน ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ได้

ดร.โจ ดิส เพนซ่า เนื้อหาต่อจากนี้ไป ผู้เขียนจะนำเรื่องที่มาจากบทสัมภาษณ์ในคลิปเสียงต้นฉบับในช่อง Good White ท่านได้ตอบเรื่อง ต่อมพิเนียลหรือไพเนียลไว้
เนื้อหาการตอบสัมภาษณ์ สรุปเพียงบางส่วนเฉพาะสิ่งสาระสำคัญเท่านั้น

 
"ชื่อว่า ดร. โจ ดิส เพน ซ่า พาวเวอร์ฟูล พรีเมียล แกรนด์ แอคติเวชั่น รีวิว ก็คือ การเปิดการทํางานของต่อมพิเนียล "

ก่อนที่เราจะไปบทสัมภาษณ์ของ ดร.โจ ดิสเพน ซ่า ผู้เขียนจะนำเพื่อนๆ ผู้อ่านมาดูความหมายทั่วไปที่คนไทยเราเข้าใจ เรื่องต่อมไพเนียล เริ่มดังนี้คะ


ต่อมไพเนียล (ความหมายบทความแรก)



ต่อมไพเนียล (อังกฤษpineal gland เป็นต่อมไร้ท่ออยู่เหนือสมอง  อยู่บริเวณกึ่งกลางของสมองส่วนซีรีบรัมซ้ายและขวา มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวมีสีแดงปนน้ำตาล เรียกชื่อเต็มว่าเอน อะเซทิล ไฟฟ์เมทอคซิทริพทามีน (Nacetyl-5- methoxytryptamine) เนื่องจากรูปร่างคล้ายลูกสน (pine cone) จึงเรียกว่าต่อมไพเนียล


ในตอนกลางวันจะสร้างเซโรโตนินกระตุ้นให้เราลุกตื่นขึ้น พอตกกลางคืนก็สร้างเมลาโทนินให้เรารู้สึกง่วงนอน จึงเปรียบเสมือนนาฬิกาชีวภาพ


ต่อมไพเนียล Pineal Gland (ความหมายบทความที่สอง)

ต่อมไพเนียล คือ นาฬิกาชีวภาพที่มีอยู่ในตัวคนเราทุกคน ต่อมไพเนียลเป็นต่อมอยู่เหนือสมอง เป็นต่อมที่มีความ สำคัญ เป็นเหมือน ผู้บัญชาการ ตอนกลางวัน

เขาจะสร้างเซโรโตนิน กระตุ้นให้เราลุกตื่นขึ้นทำงาน กลางคืน ก็สร้างเมลาโตนิน ให้เรารู้สึกง่วงเหงาหาวนอน อยากพักผ่อน

ต่อมไพเนียลจะส่งคำสั่งเชื่อมโยงไปยังต่อม และอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายอีกทอดหนึ่ง โดยอาศัยเส้นใยประสาท สารสื่อนำประสาท ควบคุมต่อมใต้สมอง ซึ่งควบคุมต่อทอดไปยังต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต รังไข่ และอัณฑะอีกด้วย ต่อมเหล่านี้นี่เองที่เป็น ผู้บงการ ระบบต่างๆ ทั่วร่างกาย ทั้งการเจริญเติบโต การเผาผลาญอาหาร การสลายอาหารเป็น พลังงาน การเสริมสร้างร่างกายและเนื้อเยื่อ การตอบรับความเครียด การสร้างเสริมระบบภูมิต้านทาน การตกไข่ การมีประจำเดือน การสนองต่ออารมณ์ทางเพศ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเส้นใยประสาท สารสื่อนำประสาท และ ฮอร์โมนจากต่อมที่อยู่ใต้คำบัญชา ของต่อมไพเนียลนี้เอง มันจึงมีความสำคัญโยงใยกัน ไปหมด ถ้าเรานอนหลับได้ดี การทำงานของร่างกายในส่วนอื่นๆ ก็ย่อมดีด้วย แต่ถ้านอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทติดต่อกัน จนกลายเป็น นอนไม่ หลับเรื้อรัง แน่นอนว่าร่างกายของเราก็จะเสียสมดุล เกิดอาการต่างๆ ตามมาอีกเป็นลูกโซ่ ต่อมไพเนียล (Pineal gland) เปลือกที่หุ้มมาจาก pia mater มี septa แทรกในเนื้อต่อม ประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิดคือ


  1. Pinealocytes  [ไพเนียโลไซต์]   เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียสขนาดใหญ่
  2. Neuroglial cells [นิวรอนเกลียล เซลล์][เซลล์ประสาท] เป็นเซลล์ขนาดเล็กมีนิวเคลียสติดสีเข้มกว่าเซลล์ชนิดแรก อยู่บริเวณกึ่งกลางของสมองส่วนซีรีบรัม ซ้ายและขวา



ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้ คือ เมลาโทนิน ยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ ทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้าลง ระงับการหลั่งโกนาโดโพรฟินให้น้อยลง ต่อมไพเนียลเกิดเป็นมะเร็งแล้วสร้างเมลาโทนินไม่ได้ จะทำให้เป็นหนุ่มเร็วกว่าปกติ แต่ถ้าสร้างมากเกินไป จะทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้ากว่าปกติ


ลักษณะสำคัญในเนื้อต่อมไพเนียลคือพบในสมองเรา  Brain Sand (corpora arenacea) [เบรนแซนด์ คอร์ปอราอาเรนาเซีย] มีลักษณะเป็น calcified accretions [แคลเซียมคาร์บอเนต] ติดสีม่วงเข้ม


ต่อมไพเนียล (Pineal gland or Epiphysis Cerebri)  
(ต่อมไพเนียล หรือ เอพิฟิซิส เซเรบรี)

ประกอบด้วย เซลล์สำคัญ 2 ชนิดคือ pinealocytes (pineal chief cells = Pi) หรือ ไพเนียโลไซต์ (พีเนียลชีฟเซลล์ และ  neuroglial cells (Ng) [นิวรอนเกลียล เซลล์] หรือเซลล์ประสาท (Ng)


โดย pinealocytes เป็น highly modified neurons พบเป็นกลุ่มรอบเส้นเลือดแดงฝอยชนิด fenestrated capillaries. ส่วน neuroglial cells มีลักษณะคล้าย astrocytes ของ CNS ลักษณะสำคัญของต่อมไพเนียล คือมี basophilic extracellular bodies เรียกว่า pineal sand หรือ brain sand = BS มีรูปร่างเรียงเป็นชั้นของ Calcium และ magnesium phosphate ภายในบรรจุ organic matrix พบว่า cytoplasmic granules ของ pinealocytes มีองค์ประกอบของ indole compound รวมทั้ง melatonin และ precursor ของสาร serotonin.


วินาทีแรกที่คนเราลืมตาขึ้นมา และได้พบกับแสงสว่าง จากดวงอาทิตย์นั้น แสงสว่างจะผ่านเลนส์แก้วตา ไปตกกระทบ กับจอรับภาพบริเวณส่วนพลังของลูกตา ซึ่งจะมีเส้นปลายประสาทมาเลี้ยง ส่วนหนึ่งของสัญญาณ จะถูกส่งไปยัง ต่อมเล็กๆ ในสมองที่เรียกว่า "ต่อมไพเนียล" เมื่อต่อมไพเนียลได้รับสัญญาณดังกล่าวก็จะเริ่มสร้าง ฮอร์โมนเซโรโทนิน จากวัตถุดิบที่เรียกว่า ทริปเทเฟน




ฮอร์โมนเซโรโทนินตัวนี้เองที่จะทำหน้าที่ กระตุ้นให้ร่างกายของคนเราเริ่มทำงาน อวัยวะต่างๆ จะเริ่มทำงาน สอดคล้องกัน ไปอย่าง กระฉับกระเฉง การที่คนเราอารมณ์แจ่มใสและสามารถทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจาก แรงกระตุ้นของฮอร์โมนเซโรโทนินนี่เอง


พอตกค่ำ แสงอาทิตย์หายไปจากโลก ความมืดเข้ามาแทนที่ เมื่อแสงสว่างหายไปจากจอรับภาพของตาแล้ว สัญญาณแห่งความมืด ก็จะถูกส่งไปยังต่อมไพเนียลอีกครั้ง คราวนี้จะกระตุ้นเตือนให้ต่อมไพเนียล ทำหน้าที่ สังเคราะห์ฮอร์โมน "เมลาโทนิน" ออกมา ฮอร์โมนเมลาโทนินนี้จะทำหน้าที่ ไปเตือนให้ร่างกาย ต้องการการพักผ่อน และเหนี่ยวนำ ให้เกิดการง่วงนอนและนอนหลับสนิท


ขณะเดียวกัน เมื่อร่างกายและจิตใจเข้าสู่ภวังค์หลับสนิทนั้น ฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งมีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่ง เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือพูดง่ายๆ ว่า สารต่อต้านไม่ให้ร่างกายเสื่อมก่อนวัย บางคนอาจเรียกว่า สารต่อต้านความชรา คุณสมบัติในการต่อต้าน ความเสื่อมก่อนวัยของฮอร์โมนเมลาโทนิน ก็คือ จะไปกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นผลมาจาก การเผาผลาญอาหาร เป็นพลังงาน หรืออนุมูลอิสระที่เกิดจากความเครียดและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็จะโดนกำจัดไปด้วย ฮอร์โมนเมลาโทนิน ดังกล่าว


พูดแบบง่ายๆ ก็คือ ในขณะที่ร่างกายนอนหลับพักผ่อนนั้น ฮอร์โมนเมลาโทนินจะไปช่วยกำจัดของเสีย หรืออนุมูลอิสระ ที่จะทำให้คนเรา แก่ก่อนวัย เป็นความฉลาดของร่างกายคนเราอย่างหนึ่ง


ในขณะเดียวกัน เมื่อเรานอนหลับสนิทนั้น ต่อมไร้ท่อในสมองอีกต่อมหนึ่ง คือ ต่อมไฮโปทาลามัส จะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน จีเอ็น อาร์ เอช ไปกระตุ้นลูกอัณฑะ ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานผลิตกระสุนดินดำของผู้ชาย ให้สร้างฮอร์โมนเพศชายขึ้น ฮอร์โมนเพศชายดังกล่าว คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน


เป็นอันว่า ในขณะที่ผู้ชายนอนหลับสนิทนั้น โรงงานผลิตกระสุนดินดำของเขาก็จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน แห่งความเป็นชาย ออกมาตลอดคืน ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนนี้ จะมีระดับสูงสุดในช่วงตอนเช้าประมาณ 5-7 โมงเช้า แต่ถ้าผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือการสร้างฮอร์โมนเพศชายลดลง ในผู้ชายวัยทอง เวลาตื่นไปปัสสาวะตอนเช้า น้องชายจะหลับตาฉี่


การที่ฮอร์โมนเพศชายออกมามากในตอนเช้า ก็เพราะว่าเป็นการเตรียมตัวในการทำงานตลอดวัน เพราะฮอร์โมน เพศชาย มีหน้าที่ทำให้ร่างกาย กระฉับกระเฉง กล้ามเนื้อแข็งแรง มีความตื่นตัวในการทำงานสู้กับชีวิต


จะสังเกตได้ว่า การทำงานของระบบการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จะทำงานสัมพันธ์กันเหมือนวงมโหรี ที่เครื่องดนตรี หลายชนิดต้อง บรรเลงร่วมกันจึงจะไพเราะ ไม่มีฮอร์โมนตัวใดดังแบบศิลปินเดี่ยว และถ้าเกิดการ กระทบกระทั่ง หรือ ฮอร์โมน ตัวใดตัวหนึ่งลดลงไปแล้ว ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปตามแบบของทฤษฎีโดมิโนทีเดียว



ข้อมูลในกลุ่มศึกษากฎแรงดึงดูด ต่อพิเนียลหรือไพเนียลในประเทศไทย

สำหรับคนไทยเรียกชื่อคําว่า pinial grand หรือที่เรียกว่า ต่อมพิเนียล หรือ ต่อมไพเนียล  โดยอาจมีคำออกเสียงที่แตกต่างกันบาง ไม่ว่าจะเป็นต่อมพิเนียลหรือต่อมไพเนียล ให้เราเข้าใจว่า มันก็คือสิ่งเดียวกัน

ต่อมพิเนียล มันมาจากคําว่า พายโคน หรือ จะแปลว่า ลูกสน ก็ได้ คือ ลักษณะของมันจะคล้าย ๆ ลูกสน มีเพื่อนๆ หลายได้แบ่งปันข้อมูลดิฉันเห็นว่ามีความน่าสนใจ โดยเท่าที่ดิฉันพยายามค้นหาข้อมูลในออไลน์ก็เห็นในเฟสบุ๊กมีการแบ่งปันได้ แต่ไม่แน่ใจว่ามีปลูกในเมืองไทยหรือเปล่าคะ



ดิฉันเอง ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ ต่อมไพเนียมหรือพิเนียลมาหลายช่องทางในออนไลน์ โซเซียลมิเดีย และก็อ่านหนังสือหาข้อมูลเพิ่มเติม ดิฉันฟังครั้งแรกตื่นเต้น ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกับข้อมูลนี้ ซึ่งดิฉันไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เรื่องนี้มาก่อน และไม่เคยสนใจมาก่อนเลย

ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่นำมาแบ่งปันข้อมูลต่อมไพเนียลทุกช่องทาง รวมถึงหนังสือดีๆ จาก ดร.โจ ดิส เพนซ่า และทุกแหล่งข้อมูลต่างๆ

ดิฉันเชื่อว่า คนไทยเราส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้จัก หากคนไทยและเพื่อนๆ ได้รู้จักและฟังเนื้อหามาถึงตอนนี้ ความรู้เกี่ยวกับต่อมพิเนียลหรือไพเนียลนี้ ดิฉันเชื่อว่าคุณจะรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกับดิฉัน

ต่อมไพเนียลหรือพิเนียลนี้มันเป็นระบบสำคัญภายในสมองของเราคะ ข้อมูลนี้เป็นแค่เพียงบางส่วนที่ดิฉันนำมาแบ่งปันผ่านบทความนี้คะ จริงๆ ระบบร่างกายเรามีสิ่งวิเศษมากมายคะ มีระบบอื่นๆ อีกจำนวนมากที่น่าสนใจ เมื่อเพื่อนๆ ฟังจบจะเข้าใจมากขึ้น สมองเรามันมหัศจรรย์ขนาดไหน

ดิฉันเชื่อว่า หากเราได้รู้เรื่องนี้ เรื่องขึ้นชื่อว่า "ตาสว่างแล้ว" ดิฉันเองตื่นเต้นกับระบบสำคัญภายในตัวเรา ต่อไพเนียมหรือพิเนียล นี้มันเป็นเพียงหนึ่งส่วนหนึ่งของสมอง  สมองเรามีอะไรที่น่าค้นหาอีกมากมายเลยคะ สำหรับบทความนี้นำเพื่อนๆ มารู้จักสิ่งมหัศรรย์ภายในตัวของเราคะ

บทความนี้ จะพาเพื่อนๆ ผู้อ่านผู้ฟัง มารู้จักความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก พวกเขาไปไกลมากผลการวิจัยค้นคว้าเรื่องต่อมพิเนียล ยุคนี้เราต้องตามทันโลกอนาคตคะ วิทยาศาสตร์กับชีวิตมนุษย์ ดิฉันคิดว่ามันกำลังเข้าสู่ยุควิทยาศาสตร์ควอนตัว มันกำลังเข้ามาในชีวิตมนุษย์และมันจะเดินไปคู่กันชาวโลกในยุคนี้ตอนนี้ จิตวิญญาณกับวิทยาศาตร์มันสำคัญต่อคนยุคใหม่ ซึ่งต้องมีทั้งจิตวิญญาณทางธรรมและการใช้ชีวิตในทางโลก ต้องเดินไปคู่ขนาดกันแล้วคะ

ต่อไพเนียล (พิเนียล) ทำไหมผู้คนถึงบอกว่าเป็นต่อมที่เกี่ยวโยงกับตาที่ 3 มาหาคำตอบกันคะ 

การค้าคว้าที่มีการพูดถึงการพบด้านวิทยาศาสตร์

เรามารู้หลักการทำงานของมันในแง่ผลการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์กันก่อนคะ  เชื่อว่าคนไทยเราจำนวนมากกว่า 90% ไม่เคยรู้มาก่อน

หากใครศึกษากฎแรงดึงดูด เราจะเข้าใจเรื่องคลื่นพลังงานดึงดูดแบบตื่นรู้ ตาสว่าง

แต่เราไม่รู้ว่าไอคลื่นพลังงานมันมาอย่างไรมันเชื่อมโยงกับอะไรภายในสมองของเรา มันดึงดูดสร้างผลลัพธ์มากมายไม่ว่าจะด้านดีไม่ดี เพราะทุกสิ่งมันเริ่มต้นจากสมองของเราที่ส่งเป็นกระแสพลังความคิด แปลงเป็นอารมณ์ความรู้สึกส่งออกไปภายนอกตัวเราไปยังจักรวาล และดึงดูดสิ่งที่คล้ายหรือเหมือนกันกลับเข้ามาสู่เรา สร้างเป็นผลลัพธ์ในชีวิตให้กับเราทั้งที่เราตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

หากเราได้รู้ความลับ ต่อมพิเนียล  เพื่อนๆ จะเข้าใจมากขึ้น สมองเรามันเป็นเสมือนเครื่องรับเสาสัญญาณชั้นดีที่หากเราเลือกใช้มันไปในทิศทางที่ดี ทิศทางที่เราปรารถนา คุณย่อมสามารถดึงดูดสิ่งที่คุณปรารถนาได้


เจ้าต่อมนี้มันอยู่ในสมองของเรา เราอาจคิดได้ว่า ต่อมไพเนียล เปรียบเสมือนอุปกรณ์รับสัญญาณวิทยุ


แต่เจ้าต่อมไพเนียลมันเป็นต่อมที่มีขนาดจิ๋วเล็กมาก จุดที่มันอยู่แถวหลังลําคอและด้านหลังศีรษะ หรือเชื่อมต่อไปยังกลางหน้าผากของเรา

ต่อพิเนียล มันมีหน้าที่หลักของมันในโลกสามมิติ

คือ การผลิตสารสื่อประสาท 2 ตัว ที่เรียกว่า เซโรโทนินและเมลาโทนิน  ที่จริงมันยังมีหน้าที่อย่างอื่นอีก เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อคะ

ลองจินตนาการตามคะ  ชั่วขณะที่คุณตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า และดวงตาได้เปิดออก ความยาวคลื่นของแสง

ที่มองเห็นได้จะถูกรับเข้ามาที่ดวงตาของคุณ ความยาวคลื่นของแสงได้ตกกระทบไปที่เส้นประสาทตา และเส้นประสาทตาก็ได้ส่งสัญญาณต่อไปยังนิวเครียด ซึ่งก็ได้ส่งต่อไปยังพื้นที่อีกส่วนของสมอง แล้วทันใดนั้น ต่อมพิเนียลก็ได้รับสัญญาณเพื่อการผลิตสารเคมีที่เรียกว่าเซโรโทนิน

เซโรโทนิน คือ เป็นสารสื่อประสาทในตอนกลางวัน สมองของเราได้เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่ารูปแบบของคลื่นเบต้าแล้วเรา อยู่ในสภาวะของการตื่นตัว

เรารับรู้ว่าเรามีร่างกาย รับรู้สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ  รับรู้เรื่องการเวลา หรือจะเรียกว่ารู้สึกตัวแล้วนั้นแหละ

พอตอนเย็นเมื่อแสงหมดลงในตอนที่เริ่มมืด เมื่อไม่หลงเหลือความยาวคลื่นของแสงอีกต่อไป ต่อมพิเนียลก็ปิดการทํางาน เซโรโทนินก็หยุดหลั่ง แล้วมันจะกลายเป็นสารเคมีอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่าเมลาโทนินได้หลั่งออกมาแทน

เมลาโทนิน คือ เป็นสารสื่อประสาทตอนกลางคืน และเมลาโทนิจะเปลี่ยนคลื่นสมองของเราให้กลายเป็นอัลฟ่า และต่อมาก็เป็นเทต้า และที่สุดก็คือเดลตานั่น


คือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ

สรุปที่เราเข้าใจง่ายๆ  ก็คือ เซโรโทนินเหมือนนาฬิกาปลุกให้เราตื่น  และเมลาโทนินก็ทําให้เราหลับ

สิ่งเหล่านี้คือการทำงาน ที่เรียกง่ายๆ ว่านาฬิกาชีวภาพ โดยเกี่ยวข้องกับตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่เราคุ้นเคยกันดี

อย่างไรก็ตามยังมีระบบที่แฝงตัวอยู่ในสมอง ในตอนที่ต่อมพิเนียลได้เปิดการ ทำงาน มันมีคริสตัลขนาดจิ๋วอยู่ในนั้น เรียกว่า แคลไซด์คริสตัล ซึ่งก็คือ แคลเซียมคาร์บอเนตคริสตัล  มันมีลักษณะเป็นผลึก มีหกหน้าบ้างแปดหน้าบ้าง แล้วมันก็ซ้อนติดกันขึ้นไป

นักวิทยาศาสตร์พบงานวิจัยที่แสดงว่า

ต่อมพิเนียลมีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาเลยเมื่อต่อมพิเนียลเปิดการทํางาน คริสตัลขนาดเล็กจ้อยนิดเดียวพวกนั้นก็จะเริ่มกระพริบและมันเริ่มสร้างกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กออกมาและเมื่อเป็นเช่นนั้นมันจะอ่อนไหวต่อความถี่เป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่ความถี่ของแสงหรอกนะ แสงจําเป็นต้องผ่านดวงตาผ่านประสาทสัมผัส เมื่อต่อมพิเนียล ทำงานมันจึงจะเริ่มรับความถี่ที่ไม่ได้มาจากประสาทสัมผัสซึ่งความถี่ที่ว่านี้ มันได้นําพาข้อมูลติดมาด้วย แล้วมันก็เปลี่ยนความถี่ให้กลายเป็นภาพที่ลึกล้ำสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา ก็คือ คน ๆ นั้นจะเกิดยานทัศนะ เห็นภาพสิ่งต่างๆ เช่นเห็นอดีตชาติ เห็นอนาคต เห็นคนตาย เห็นมิติอื่นๆ ดังนั้น ภายในนั่น คือ สาเหตุที่ ถูกเรียกว่าเป็นตาที่ 3 


ตาที่ คนไทยเราคุ้นเคยได้ยินสิ่งนี้ในกลุ่มผู้คนปฏิบัติธรรมชั้นสูง

มีระดับภาวะของสมาธิละเอียดมาก ในสายผู้เข้าญาณสมาธิของไทยหรือสายวิปัสสนาจะรู้จักกันดีโดยที่เราชาวพุทธจะเข้าใจว่าต้องมีสมาธิขั้นสูงเท่านั้น ตัวผู้เขียนเองเขียนหนังสือก็ได้ยินมาตั้งแต่สมัยปฏิบัติธรรมว่า การนั่งสมาธิยาวนาน จิตสงบนิ่งจะสามารถเห็นอดีตชาติ หรือดวงวิญญาณได้ ซึ่งมัน คือ การเปิดตาที่ ตอนนั้น ไม่มีเรื่องวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มันเป็นเรื่องของคำสอนและความเชื่อล้วนๆ  

แต่สำหรับสมัยนี้แล้ว มันไม่ใช่แค่ความเชื่อแต่มันเป็นเรื่องผลการวิจัยทดลองออกมาเป็นวิทยาศาสตร์ให้เราได้เห็นในยุคนี้  มารู้จักกันต่อคะ

ตาที่ 3 เปิด นี่แหละ ทำให้เราเข้าสู่ยานทัศนะข้างใน จะกลายเป็นคนเหนือธรรมชาติ  มันเปลี่ยนกลายเป็นของจริงมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ที่คุณได้เคยมีประสบการณ์มาในโลกแบบสามมิติ นี่คือ ช่วงคลื่นความถี่ที่ต่ำมากๆ แต่ก็เป็นความถี่ที่เร็วมากๆ ด้วย แล้วทันใดนั้น ต่อมพิเนียลก็จะสร้างเมตาบอลไลท์ และตัวเมลาโทนินเองก็จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปบำบัดรักษาโรคสุขภาพให้กับเราได้ด้วย

ตอนนี้เรามาดูหน้าที่อื่นด้านสุขภาพ  เมื่อต่อมไพเนียล หรือพิเนียลทำงาน อนุพันธ์ของเมลา ก็ยิ่งสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง

เพื่อให้เกิดการเยียวยาในร่างกายของคุณ  มันจะช่วยให้คุณต่อต้านมะเร็ง ต่อต้านการสูงวัย ต่อต้านโรคหัวใจ ต่อต้านโรคหลอดเลือด ต่อต้านอาการผิดปกติของระบบประสาทต่อต้านอาการอักเสบและต่อต้านจุลินทรีย์ 

หากใครอ่านหนังสือของ ดร.โจ ดิสเพนซ่า 

เรื่องราวของแอนนาที่ได้ใช้สมาธิบำบัดรักษาโรคมะเร็ง นั้นคือ เธอเข้าในระบบ ต่อมพิเนียลและวิธีใช้งานมันเพื่อบำบัดรักษาตัวเธอเองโดยไม่ได้พึ่งพาแพทย์และทำให้โรคหายไป

ฉะนั้น ต่อพิเนียลไม่ใช่แค่ตาที่ เท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระเป็นยาชั้นดีที่มีอย่าภายในเพื่อเยียวยาบำบัดให้กับร่างกายของเราที่ทรงพลัง 

นักวิทยาศาสตร์ได้มีการทดสอบพบว่า  ถ้าเอาโมเลกุลของมันมาบิดเป็นเกลียว มันจะได้เบนโซไดอะซิพีน

ซึ่งมีสรรพคุณเหมือนแวเลี่ยม ยาคลายเครียด เมลาโทนิน จะช่วยให้ร่างกายของคุณผ่อนคลายได้คุณจะรู้สึกสบายมากมาก แล้วศูนย์เพื่อการเอาตัวรอดก็จะถูกปิดการทำงาน เพราะนั่นคือสิ่งที่เบนโซไดแอซิพีนทํา คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและมันได้สร้างสารเคมีที่ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะนิ่งสงบ

เพราะนั่น คือ เป็นช่วงตอนที่สำคัญศูนย์พลังงานแรกได้หยุดการทำงาน คุณจะสูญพลังงานแรงขับทางเพศ ความอยากอาหาร ความลุ่มหลงในสภาพแวดล้อม ร่างไม่ใช่จิตใจอีกต่อไป มันไม่ได้ขับคลื่นแรงดันของเราอีกแล้ว

แล้วตอนนี้คุณก็สามารถมีความฝันโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับร่างกายอีกต่อไปมันสร้างสารเคมีที่ค้นพบในแบบเดียวกับปลาไหลไฟฟ้าระบบประสาทได้แผ่ขยายตัวออกไปสมองของคุณได้ถูกเปิดสวิตช์และมีพลังงานปริมาณมาก และการสร้างสารเคมีที่เรียกว่าไดเมทิวทริปตามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ร้อนประสาทแล้วสมองของคุณก็จะได้รับภาพจากโรคอื่นที่เป็นความจริงมากกว่าในโลกกายภาพ

ดังนี้เมื่อเราเปิดการทำงานของระบบที่ว่านี้ เพื่อให้เราได้ตระหนักว่า ตัวของเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็นไปในแนวระนาบ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ระหว่างมิติ

คุณต้องการเพียงแค่หนึ่งประสบการณ์เท่านั้น ก็จะไม่กลับไปเป็นคนเดิมได้อีกต่อไป เพราะคุณได้ตระหนักว่าโลกทั้งหมดที่คุณเห็นนี้อาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาก็ได้มีหลักการที่เกี่ยวกับชีวภาพและเป็นหลักการสำคัญที่เรียกว่าการบริจาค หมายถึงธรรมชาติจะไม่ละทิ้งสิ่งใดไปเปล่าเปล่า

หลักการของธรรมชาติก็คือ หากคุณไม่ใช้มัน คุณก็จะสูญเสียมันไปใช่มัย ถามว่าทำไมเราถึงได้มีดีเอ็นเอ (DNA) เก้าสิบแปดจุดห้าเปอร์เซ็นต์ (98.5%) ที่ไม่ใช้แล้วมันยังไม่หายไปล่ะ ทำไมเราถึงได้มีต่อมนี้แล้วยังไม่ได้ใช้อย่างเต็มศักยภาพ

ทำไมมันจึงอยู่ที่นั่น ทำไมเราถึงได้มีสมองขนาดใหญ่และไม่นำมาใช้ประโยชน์นั่นเพราะมีระบบที่กำลังรอคอยเพื่อจะเปิดการทำงานอยู่มัน คือ แง่มุมอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเรา ดังนั้นใช่ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และใช่มันต้องใช้ความตั้งใจอย่างยิ่งยวด แต่ก็เช่นเดียวกันกับสิ่งอื่นๆ

เมื่อระบบได้ถูกเปิดออก ทุกคนจะพูดเป็นอย่างเดียวว่า มันคุ้มค่าต่อความเพียรพยายามอย่างมาก เมื่อเราเริ่มการเคลื่อนของน้ำไขสันหลัง ก็จะมีซินเลีย

ซึ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อยู่ปลายของต่อมพิเนียลพอน้ำไขสันเริ่มเคลื่อนไปที่สมองผ่านทางโพรง มันจะสัมผัสเข้ากับขนเหล่านี้



ในตอนที่คุณสูดหายใจและกลั้นเอาไว้เท่ากับในตอนนั้น

คุณได้นำน้ำไขสันหลังไปสัมผัสกับคริสตัลและจากงานวิจัยก็ได้ค้นพบว่า มันจะเกิดปรากฏการณ์เฟียโซอิเล็คทริก หมายถึงอะไร หมายถึงว่าเมื่อคุณได้บีบอัดคริสตัลเหล่านี้การบีบอัดจะทำให้เกิดกลไกการเค้นจนกลายเป็นประจุไฟฟ้า และมันก็จะส่องแสงพร้อมแล้วสำหรับการรับข้อมูลก็เหมือนหน้าปัดวิทยุนั่นแหละที่มันจะเริ่มรับข้อมูลและเปลี่ยนให้เป็นภาพซึ่งคุณต้องอยู่ตรงนั้นสักพักเมื่อมันเกิดขึ้นและมันจะเป็นประสบการณ์ที่ใหญ่โตมาก คุณคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องของคนอียิปต์เป็นเรื่องทั้งหมดแล้วหรือไม่หรอก

งานวิจัยของเราได้แสดงผลว่า เมื่อระบบได้ถูกเปิดออกในสมองสมองส่วนลิมบิกทั้งหมดจะเหมือนติดไฟ มันทำงานอย่างยิ่งยวดแล้วระบบลิมบิกว่าคืออะไรกัน มันก็คือ ต่อมพิเนียล ต่อมพิธูอิตาลี ต่อมทารามัส



ต่อมไฮโปทารามัส คอปัสคารอซั่ม พวกมันเหล่านี้คือ หิเพาะขนาดเล็กที่อยู่ข้างใต้ฮิปโปแคมปัส รวมทั้ง ด้วยทั้งหมดนั้นคือเครือข่ายที่เป็นดั่งดวงตาของฮอรัสซึ่งเป็นรูปที่คล้ายด้านข้างของสมอง

งานวิจัยได้ค้นพบว่าเมื่อสมองส่วนลิมบิกได้เปิดออกซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่ชาวอียิปต์ได้รู้ว่าสมองส่วนความคิด

คือสถาปนิกมันเป็นดีไซน์เนอร์เพื่อออกแบบระบบเหล่านี้ มันคือผู้สร้างที่ถูกออกแบบมาด้วยสมองส่วนคิดและถอยออกมาเพื่อยินยอมให้ระบบได้ทำการเชื่อมต่อกับพลังงานและแปรเปลี่ยนไปสู่ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำที่จริง

ความลับมากมายของชาวอียิปต์ที่ไม่เคยถูกกล่าวขานแน่นอนสําหรับพวกเขาพระเจ้ามีอยู่จริงฟาโรห์มีการเชื่อมต่อกับพระเจ้าจริงและพวกเขาก็คือจุดเริ่มต้นในการเข้าถึงโลกอื่นและนักวิจัยคิดว่านั่นแหละคือพลังที่อยู่เบื้องหลังวัฒนธรรม


ดร.โจ พูดถึงเรื่องความมหัศจรรย์ของต่อมพิเนียลนะแต่ไม่ได้บอกวิธีการทำไว้ด้วย ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสำหรับคนที่ติดตามงานของ ดร.โจ นั่นคือ ให้คุณทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นแบบการทำโดยการฟังเสียงเพลงและมีคนพูดไกด์หรือว่าจะเป็นการทำสมาธิแบบของชาวพุทธเราก็ได้

ชาวพุทธนะให้เน้นไปที่เรื่องของการทําสมถะภาวนา ซึ่งสิ่งที่ ดร.โจ พูดว่ามันจะไปสู่มิติอื่นนั่นก็คือนิมิตในทางพุทธนั่นเองคะ (ทางสายธรรมภายใน คือ จิตเดิมแท้)

โดยสรุป ก็คือ ดร.โจ ได้บอกว่าพวกเราทั้งหลายมีสิ่งวิเศษที่อยูในตัวเองกันทุกคน

มีเครื่องมือมากมายที่อยู่ในตัวเองที่พร้อมจะทำให้เราได้รับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตและต้องเป็นเราเองนะ ที่พากย์เพียรและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

บทสรุปตอนท้ายนี้ มาทดสอบฝึก สมาธิ กระตุ้นการทํางานของต่อมไพเนียล เปิดตาที่สาม ดึงพลังงานตาทิพย์ และสัมผัสประสบการณ์ต่างมิติไปด้วยกันคะ


คำถามจากครูที่สอนหลายๆ คนมักให้ถามตัวเองก่อนเสมอว่า คุณฝึกสมาธิ
กระตุ้นต่อมไพเนียล หรือการเปิดตาที่สามเพื่ออะไร เพื่อนๆ ผู้อ่านลองถามตนเอง อยากฝึกเพื่ออะไรก่อนว่า

คำถามนี้ เพื่อทบทวนองความรู้ภายในตนเองก่อนคะ วัถุประสงค์หลายคนไม่เหมือนกัน หากเราต้องการที่จะฝึกกระตุ้นการทํางานของต่อมไพเนียล หรือเปิดตาที่สาม เพื่อสมาธิสุขภาพดี ค้นหาคําตอบให้กับตนเอง อาจเพื่อดึงศักยภาพ พลังอํานาจที่ซ่อนเร้นมาใช้ในทางโลก หรือ บางคนอาจต้องการเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง ต้องการรู้จักตัวเองให้มากขึ้น และหลาย ๆ คน ก็อาจต้องการนำไปพัฒนาชีวิตตัวเองด้านอื่นทั้งทางโลกและทางธรรม มันก็ดีหมดคะ

ดิฉันเชื่อว่าต้องการที่จะเข้าถึงจิตวิญญาณชั้นสูง หรือเข้าถึงจิตวิญญาณของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยมีเหตุผลประการใด ก็ถือว่ามีเจตนาด้านดีๆ คะ

ทุกความสำเร็จเริ่มจากการทดสอบทดลองเล็ก ๆน้อยๆ ทำบ่อยๆ ทำซ้ำๆ สิ่งที่เราทำแม้เล็กน้อยแต่ทำสม่ำเสมอด้วยความมุ่งมั้นตั้งใจ ดิฉันเชื่อว่าความมุ่งมั่นและความเชื่อศรัทธาจะนำพาให้เราประสบความสําเร็จค่ะ

ต่อมไพเนียล คือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ อยู่ตรงกลางของสมองเรา ระหว่าง ซีลีบรั่มทางด้านซ้ายและขวาเป็นต่อมไร้ท่อ มีรูปร่างคล้ายกับลูกสน อย่างที่เราทราบกันดีตามที่ดิฉันกล่าวไว้ข้างต้นแล้ว

เรามาทบทวนความรู้กันอีกครั้งคะ ต่อมไพเนียลมีหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทและฮอร์โมนที่ชื่อเซโรโทนิน ที่ช่วยในเรื่อง ให้ความสุขสงบในตอนกลางวัน มีส่วนช่วยควบคุมความประพฤติการแสดงออกทางอารมณ์ จะทําให้รู้สึกอารมณ์ดี ทําหน้าที่ส่งข้อมูลผ่านเซลล์ต่าง ๆ ในสมอง และสามารถอ่านข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ทําให้ร่างกายรู้สึกดี มีความสุข สมองตื่นตัว และเพิ่มภูมิต้านทานค่ะ และจะสร้างฮอร์โมน เมลาโทนิน ในตอนกลางคืน


ซึ่งฮอร์โมนเมลาโทนินจะสร้างการเหนี่ยวนําทําให้ร่างกายรู้สึกง่วงนอน
และต้องการจะพักผ่อนหรือจริงจริงแล้วฮอร์โมนตัวนี้ต้องการที่จะช่วยร่างกายเราในการ แบตในการซ่อมแซมสร้างเซลล์ที่สึกหรอนะคะ หรือเราอาจจะเคยได้ยินมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการชะลอวัยมากที่สุด ทําให้เวลาที่เรานอนหลับพักผ่อนเพียงพอ

นอนหลับลึกนะคะ แปดชั่วโมงให้ตื่นขึ้นมาแล้วใบหน้าสดใส อ่อนวัย หรือที่เราเรียกกันว่ามีใบหน้าเด็กนั่นเองค่ะ และต่อมไพเนียลยังเป็นจุดรวม กองคลังสร้างคลื่นความถี่ของพลังงานความคิดค่ะ หรือที่เรียกว่า พลังจิตนั่นเองค่ะ หมายถึงคลื่นความถี่ของพลังงานความคิด ที่เรียกว่าโปรตรอน ไฟฟ้าลบที่เรียกว่าอิเล็กตรอน ที่เกิดจากต่อมไพเนียล เมื่อบุคคลคิด ต่อมนี้จะสร้างคลื่นความถี่ของความคิดขึ้นมา คลื่นความถี่นี้อาจจะมีมากหรือมีน้อย ขึ้นอยู่กระบวนการทางความคิดนั้น ๆ ค่ะ

และคลื่นความถี่แห่งความคิดนี้ก็จะลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเราเองค่ะ และต่อมไพเนียลนี้ก็คือตาที่สาม ตาแห่งยาหยั่งรู้ มีความรู้ สภาวะอารมณ์ เป็นความรู้แห่งทิพย์ องค์ความรู้ที่ได้จากแหล่งต้นกําเนิด หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาจิตเหนือสํานึกค่ะ

คุณอาจจะเคยได้ยิน  ว่าในประเทศไทยเรามีการฝึกทิพย์จักขุญาณกัน นั่นแหละค่ะ การฝึกทิพย์จักขุญาณ

มีหลายวิธี และการฝึกมโนมยิทธิ คือการฝึกจิตเหนือสํานึกขั้นสูง ตามแนวสมาธิ สมถะ ทางพุทธ คือ พลังอํานาจสูงสุดที่จะได้รับก็ คือ จิตอภิญญา

ที่ต่างประเทศก็มีการฝึกจิตเหนือสํานึกนะคะ และเป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ทําการฝึกจิตเหนือสํานึกและทําการเผยแพร่ สอนผู้คนมากมายหลายสิบล้านคนมาแล้วทั่วโลก

ชื่อว่า silva mettod หรือ The Silva Method ∣ Jose Silva หลายคนอาจจะคุ้น และเคยได้ยินชื่อนี้ โดยใช้คลื่นความถี่อัลฟ่า และคลื่นความ theta เป็นหลัก ที่ต่างประเทศเขาเรียกว่า espextra sensory persiving mind หรือจิตรับรู้พิเศษค่ะ จริง ๆ แล้ว การฝึกจิตเหนือสํานึกของมนุษย์ มนุษย์ เราทุกคนสามารถฝึกได้ค่ะ และมีหลายวิธี แต่ใน ณที่นี้จะขอแบ่งปันการเตรียมตัว


(ที่มาของภาพ จาก
silva medtot)José Silva

เตรียมร่างกาย จิตใจ ก่อนฝึกคะ ตัวอย่างของ silva medtot ชาวอเมริกัน เขาเริ่มจากวิธีนำไปใชักับลูกสาวเขาก่อนค่ะ (ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัย) เขามีลูกประมาณสิบสองคน และหนึ่งในลูกสาวที่เขาใช้ฝึกชื่อ อิสลาเบลล่า โดยการใช้คลื่นความถี่อัลฟ่า

ฝึกให้ลูกสาวฟังคลื่นความถี่อัลฟ่าค่ะ เพื่อช่วยให้สมองของลูกสาวผ่อนคลาย และเมื่อฝึกไปสักระยะหนึ่ง

อิสลาเบลล่าก็สามารถ หยั่งรู้ความคิดของคนเป็นพ่อหรือคุณซิลวาได้นะคะทําให้พ่อจะพูดอะไร หรือที่เราเรียกว่ารู้ใจคนอื่นนะคะ รู้ความคิดคนอื่น อันนี้ คือ ญาณหยั่งรู้นะคะ และหลังจากนั้น ผลการเรียนของอิสลามเบลล่าก็เรียนเก่งขึ้นมาก และไม่เท่านี้นะคะ เขายังช่วยฝึกลูกของญาติพี่น้องต่างต่าง เริ่มจากตรงนั้นก่อน และจากนั้นก็ขยายเป็นฝึกประชาชนทั่วไป 

ซึ่งการวิจัยในเรื่องของจิตเหนือสํานึกและการใช้คลื่น ถี่อัลฟ่าและเทต้า ก็ได้รับการยืนยันและพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยในการ ฝึกจิตเหนือสํานึกได้ อันนี้คือตัวอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกและนํามาแชร์แบ่งปันคะ

ทําไมจึงสามารถใช้ฝึกกับเด็กได้นะคะ เพราะว่าจิตของเด็กยังมีความบริสุทธิ์อยู่มาก จิตของเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว เราลองนึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก ๆ อ่ะค่ะ ตอนที่เราเป็นเด็กเล็ก ๆ เต็มไปด้วยสภาวะอารมณ์แห่งความสุขใช่มั้ยคะ และการค้นหา เราไม่มีความกลัว ไม่ได้มีความอิจฉา ไม่มีความเกลียด หรือความโกรธมากมาย ฉะนั้นพอฝึกเด็ก อย่างถูกวิธี เด็กจะเข้าถึงจิตเหนือสํานึก ซึ่งเป็นจิตเดิมแท้ของพวกเราทุกคนนะคะ และเป็นพลังหนุนเหนี่ยวนํา

ให้ดึงศักยภาพอันที่แท้จริงของตัวเราออกมา ฉะนั้นผู้ใหญ่อย่างเราค่ะ ก็ควรจะเตรียมจิตใจของเราเข้าถึงความบริสุทธิ์ให้มากที่สุด เท่าที่เราจะสามารถทําได้นะคะเพื่อที่จะ เตรียมตัวเตรียมกําลังใจก่อนที่จะฝึกนะคะ

ก่อนอื่นขออนุญาตออกตัวก่อนว่า บทความนี้ผู้เขียนเองไม่ใช่กูรูหรือผู้เชี่ยวชาญในการสอนเปิดตาที่สามเป็นเพียงพลังงานมนุษย์ นำมาแบ่งปันจากครูบาอาจารย์เท่านั้นคะ

ดิฉันเองก็มีใจรักในการแบ่งปัน องค์ความรู้อันเล็กน้อยจากครูอาจารย์ที่มี ครูท่านสอนแบ่งปันไว้และสอนการรู้จัก รู้ทันสภาวะอารมณ์ตัวเอง ให้อยู่ในดินแดนแห่งสภาวะงดงาม แบ่งปันความรู้เรื่องกฎของธรรม ชาติ หรือกฎจักรวาล แบ่งปันแนวทาง วิธีการฝึกสมาธิและวิปัสสนา ตามแนวองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

การฝึกเราต้องสร้างเองจนเกิดสภาวะธรรมตามบารมีที่รู้ได้เฉพาะตน และฉะนั้นข้อมูลที่แบ่งปันบางส่วนมาจากผลงานวิจัยและประสบการณ์ของครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้และตัวดิฉันเองประกอบด้วยค่ะ

การเตรียมตัวเตรียมใจนะคะ เริ่มจากในชีวิตประจําวันของเราค่ะ เราใช้ชีวิตตามแนวทางการรักษาศีลห้า และพรหมวิหา สี่ ที่ประกอบไปด้วยความรัก ความเมตตา ความกรุณา ความมุทิตา และความมีอุเบกขา ปรับสภาวะอารมณ์ให้งดงาม เปิดใจ อนุญาตตัวเอง ยอมรับ เรียนรู้ฝึกควบคุมจิตใจและสภาวะอารมณ์ตัวเองให้ได้ค่ะ

ฝึกการปรับสภาวะอารมณ์ให้อยู่ในดินแดน พลังงานบวก ปรับสภาวะอารมณ์ ปรับจิตให้อยู่ในดินแดนพลังงานขั้วบวก การที่เราสามารถรู้ทันความคิดตัวเอง ทันจิตที่มันคิดในขณะนั้น ๆ ทันสภาวะอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นในขณะนั้น และเรามีสติกํากับรู้ เรารู้ทันมัน และเราไม่ตอบสนองความคิดนั้นในทันที

และเราสงบได้ ใจเราไม่ร้อนตาม ใจเราเย็น ใจเราวางเฉย ได้ และเราเลือกที่จะให้ความหมายได้ หรือไม่ให้ความหมาย และเราสามารถเลือกวิธีการตอบสนองต่อเรื่องนั้นๆ วิธีนั้นแหละค่ะ หลวงพ่อท่านสอนบอกเราว่า นั่นแหละ แปลว่าปัญญาเกิดแล้ว และขณะที่ฝึกก็ต้องรักษาความประพฤติ ประคับประคองใจ ให้อยู่ในศีลสมาธิและปัญญา และมีพรหมวิหารสี่ตลอดนะคะ และจริง ๆ การฝึกสมาธิ หรือการฝึกสมาธิจิตเหนือสํานึก สามารถช่วยทางโลกได้จริง แต่ไม่ได้ช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้ตลอดไปนะคะ



ฉะนั้นอยากจะ เชิญชวนพวกเราให้มาฝึกวิปัสสนาควบคู่กันไปค่ะ สําหรับคนที่เริ่มฝึกสมาธิ ผู้ฝึกปฏิบัติใหม่ และคนที่ต้องการฝึกสมาธิ ยังฝึกสมาธิไม่เป็นเลย สามารถ เริ่มฝึกกับคลื่นเสียงอัลฟ่านะคะ สมาธิควอนตัมคะ คือสมาธิอัลฟ่า คือช่วยให้คุณผ่อนคลายจิตใจก่อนนะคะ


วิธีปฏิบัติให้ยึดหลักปฏิบัติ อานาปานสติ


เรื่องการ ดูลมหายใจให้คล่อง จากนั้น ใครที่ดูลมหายใจคล่องแล้ว ก็สามารถฝึกสมาธิสมองจูนจิตวางจิตใจกับฐานเหนือสะดือคะ ฝึกไปเลื่อยๆ คะ สิ่งที่เราได้แน่นอนคือความสุขจากภายใน ตาที่ 3 เปิด คือ จิตภายในเปิดแล้วคะ หากคุณฝึกจนจิตใต้สำนึกตื่นเแล้ว คือ จะเปลี่ยนเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกเบน พระอาจารย์ท่านว่า นั้นคือ ภาวะพุทธะ ตาที่ 3 เปิดแล้ว

สําหรับผู้ที่ฝึกสมาธิเป็นแล้ว ฝึกสมาธิได้ระดับดีทีเดียว แต่ว่ายังไม่เคยสัมผัสระดับฌานสี่ ลองฝึกใช้กับคลื่นเสียงเดลต้าดู หรือจะฝึกแบบคนไทยชาวพุทธ ใช้วิธีการเพ่งดวงกสิณก็ทำได้ดีทีเดียวคะ

แต่หากฝึกกับคลื่นเสียงเดลต้า จะช่วยกระตุ้นการทํางานของต๋อมไพเนียลนะคะจะทําให้เราเข้าสมาธิในระดับลึกได้ ก็ลองฝึกกันดู ขอเป็นกําลังใจให้กับทุก ๆ คนคะ
ขอให้ประสบความสําเร็จ ขอให้มีจิตใจที่มุ่งมั่นขอให้ทุกคนเข้าถึงจิตวิญญาณอันแท้จริงของตัวเองค่ะ



ปิดท้ายด้วยคลิป ดร.โจ ดิส เพนซ่า พูดถึงต่อมไพเนียล


►ความหมายบทความแรกและรูปภาพ   โดย  วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
►ความหมายบทความที่สองและภาพ โดย novabizz.com
►คลิปวีดีโอบทความสัมภาษณ์ YouTube  โดย Ed Mylett  คลิป ดร โจ
ออกแบบตกแต่งปกและภาพประกอบ  จาก : canva : จาก pixabay

Ami Amornrat นักเขียน

ติดตามช่องยูทูป พูดคุยเกี่ยวกับการลงทุน คลิปโตได้ตามลิงค์ด้านล่างคะ


ติดตามช่องด้านจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง กฎแรงดึงดูด พลังจักรวาล ควอนตัม

https://www.youtube.com/@Ami.Amornrat.psychologistTV


ติดตามช่องการลงทุน หุ้น คลิปโต 

https://www.youtube.com/@Ami.Writer.Invertor



ติดตามผลงานเขียน งานเขียนยอดนิยม คัมภีร์เปลี่ยนชีวิต



หนังสือเปลี่ยนชีวิต ตู้ชั้น E-book ตัวอย่างอ่านฟรี : แนวจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง พลังจิตใต้สำนึก พลังจิตวิญญาณ พลังเนรมิตร ชีวิตลิขิตได้ด้วยกฎแรงดึงดูด พลังจักรวาล โดยรับรองผลลัพธ์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ด้วยการทดลองอ่านฟรี













สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติม เคล็ดลับการออกแบบชีวิต ด้วยการจิตนการ และการเขียนเป้าหมาย จาก E-Book ตัวอย่างอ่านฟรี





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คู่มือหมอดูตาทิพเงินล้าน พลังตัวเลขพญานาคราช 999 #ดูดวงชะตา

คัมภีร์เปลี่ยนชีวิต สะกดจิต ผลิตเงินล้าน รวมสูตรลับความสำเร็จ กฎแรงดึงดูด [Law of Attraction] พิสูจน์สิ่งมหัศจรรย์ด้วยตัวคุณเอง #ภาพยนตร์สารคดีวิทยาศาสตร์ " I Am : Tom Shadyac "

ความลับจินตนาการ ดึงดูดสร้างความสำเร็จ !! โดย Neville Goddard [เนวิลล์ ก็อดดาร์ด] บุคคลสำคัญแห่งโลก