สรุปสถิติข้อมูลล่าสุดในปี 2024-2025 การใช้ AI ยอดนิยมทั่วโลกและสหรัฐฯ สร้างรายได้ ช่วยเหลือธุรกิจ

 

จากข้อมูลล่าสุดในปี 2024-2025 ผู้คนและองค์กรทั่วโลกและในสหรัฐอเมริกามีการตื่นตัวและนำ AI ไปใช้ในสัดส่วนที่สูงมาก และกำลังสร้างรายได้จาก AI ในหลากหลายรูปแบบ นี่คือสรุปข้อมูล:

AI กำลังมีบทบาทสำคัญในธุรกิจและเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2024-2025 โดยมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ:

  • ขนาดตลาด AI: คาดการณ์ว่าตลาด AI จะมีมูลค่าถึง $1,339 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยในปี 2024 มีรายได้ประมาณ $214 พันล้านดอลลาร์.
  • ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ: AI คาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ของสหรัฐฯ 21% ภายในปี 2030.
  • การนำ AI มาใช้ในธุรกิจ: 77% ของบริษัททั่วโลก ใช้ AI หรือกำลังวางแผนที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้.
  • การเพิ่มผลิตภาพ: 64% ของเจ้าของธุรกิจ เชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพของพนักงาน.
  • การใช้ AI ในอุตสาหกรรมต่างๆ: AI ถูกนำมาใช้ใน การจัดการสินค้าคงคลัง (40%), การผลิตเนื้อหา (35%), การแนะนำผลิตภัณฑ์ (33%), และ การสรรหาบุคลากร (26%).
  • ความกังวลของผู้บริโภค: 75% ของผู้บริโภค กังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่ผิดพลาดจาก AI.

ธุรกิจทั่วโลกกำลังปรับตัวเพื่อใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการออกแบบกระบวนการทำงานใหม่และเพิ่มมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้ AI สร้างมูลค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถดูรายละเอียดได้ ที่นี่ และ ที่นี่. 🚀

สถิติการตื่นตัวและการใช้ AI:

  • ทั่วโลก:

    • ในปี 2024 มีบริษัททั่วโลกประมาณ 72% - 78% ที่ใช้ AI และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 78% ในปี 2025 โดย 92% ของบริษัทวางแผนที่จะลงทุนใน Gen AI ในอีกสามปีข้างหน้า
    • การนำ AI ไปใช้ในองค์กรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 50% ในปี 2022 เป็น 72% ในปี 2024 และ 78% ในปี 2025
    • ประเทศที่นำ AI ไปใช้ในธุรกิจมากที่สุดคือ อินเดีย (59%) และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (58%) ตามมาด้วยสิงคโปร์ (53%)
    • อุตสาหกรรมที่ใช้ AI มากที่สุด ได้แก่ การบริการลูกค้า (56%) การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันการฉ้อโกง (51%) และผู้ช่วยดิจิทัล (47%)
    • ตลาด AI ทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 1.85 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 37.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2030

  • สหรัฐอเมริกา:

    • ในปี 2025 มีธุรกิจในสหรัฐฯ ประมาณ 78% ที่ใช้ AI เพิ่มขึ้นจาก 55% ในปี 2024
    • อย่างไรก็ตาม มีบางรัฐที่การใช้งาน AI ลดลง เช่น South Dakota และ New Hampshire
    • สหรัฐอเมริกานำในด้านกำลังการประมวลผล AI ทั่วโลก โดยควบคุมถึง 73% (Stanford HAI, 2025)
    • ตลาด AI ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะมีขนาด 50.16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และจะเติบโตเป็น 66.21 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025
    • ประมาณ 55% ของชาวอเมริกันใช้ AI เป็นประจำ และ 77% ของอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่มีคุณสมบัติ AI
    • คาดว่าภายในปี 2025 การโต้ตอบกับลูกค้า 95% จะได้รับความช่วยเหลือจาก AI


การสร้างรายได้จาก AI ส่วนใหญ่ใช้ทำอะไร:

ผู้คนและธุรกิจกำลังสร้างรายได้จาก AI ในหลากหลายวิธี โดยหลักๆ แล้ว AI ถูกใช้เพื่อ:

  1. การพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน AI: สร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI หรือใช้ AI ในการเขียนโค้ดเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ (เช่น โปรแกรมบัญชีอัตโนมัติ)
  2. บริการให้คำปรึกษาและบูรณาการ AI: เสนอบริการให้คำปรึกษาและช่วยธุรกิจในการนำ AI ไปปรับใช้
  3. การสร้างและจัดการเนื้อหาด้วย AI:
    • การเขียน: ใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างบทความ บล็อก โพสต์โซเชียลมีเดีย หรืออีเมลการตลาด
    • การสร้างภาพและงานศิลปะ: สร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัลหรือภาพประกอบด้วย AI
    • การสร้างเพลงและเสียง: ผลิตเพลงหรือสร้างเสียงด้วย AI
  4. การสร้าง Chatbots และผู้ช่วยเสมือน: พัฒนา Chatbots เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ
  5. การตลาดและการขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI: ใช้ AI สำหรับการวิเคราะห์ลูกค้า การปรับแต่งส่วนบุคคล (personalization) และการสร้าง Leads (Lead Generation)
  6. การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI: ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อหาข้อมูลเชิงลึก ปรับปรุงกระบวนการ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
  7. การจัดการโซเชียลมีเดีย: ใช้ AI เพื่อช่วยในการจัดการแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
  8. การจัดการโฆษณาแบบเสียเงิน (Paid Advertising): ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา
  9. การลงทุนในสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี AI: เข้าร่วมการลงทุนในบริษัท AI ที่มีศักยภาพ
  10. การสร้างแพลตฟอร์มการศึกษาที่ใช้ AI: พัฒนาหลักสูตรออนไลน์หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ใช้ AI เพื่อช่วยในการสร้างบทเรียนแบบโต้ตอบ

โดยรวมแล้ว AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจและเศรษฐกิจทั่วโลก และผู้คนกำลังตระหนักถึงศักยภาพในการสร้างรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพผ่านการนำ AI ไปใช้ในหลากหลายภาคส่วน

ข้อมูลสถิติการสร้างรายได้จากเนื้อหาคอนเท้นต์ โดยใช้ AI

มีคนจำนวนมากที่กำลังสร้างรายได้จากเนื้อหาที่สร้างโดย AI และกำลังมีกรณีศึกษาความสำเร็จเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่การเขียนบทความเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสื่อประเภทอื่นๆ ด้วย นี่คือตัวอย่างบางส่วน:

ตัวอย่างของคนที่สร้างรายได้จากเนื้อหา AI:

  • นักเขียนอิสระและนักเขียนบล็อก:
    • การเขียนบทความ/บล็อก: หลายคนใช้ AI (เช่น ChatGPT, Jasper AI) เพื่อช่วยร่างบทความ บล็อกโพสต์ หรือแม้กระทั่งอีบุ๊ก เพื่อประหยัดเวลาในการวิจัยและเขียนเนื้อหาพื้นฐาน จากนั้นพวกเขาจะปรับแต่งและเพิ่มความเฉพาะตัวลงไป
    • ตัวอย่าง: มีฟรีแลนซ์ที่เสนอ "บริการเขียนบทความโดย AI" บนแพลตฟอร์มอย่าง Upwork หรือ Fiverr โดยใช้ AI สร้างเนื้อหาเบื้องต้นแล้วนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อส่งให้ลูกค้า
  • นักสร้างวิดีโอ YouTube และ TikTok:
    • วิดีโอเล่าเรื่อง AI (AI Story Videos): มีช่อง YouTube และ TikTok ที่สร้างวิดีโอเล่าเรื่องโดยใช้ AI ในการสร้างสคริปต์ ตัวละคร ภาพประกอบ และแม้กระทั่งเสียงบรรยาย (text-to-speech) มีหลายคนที่อ้างว่าสามารถสร้างรายได้จำนวนมากจาก AdSense และสปอนเซอร์จากเนื้อหาประเภทนี้
    • ตัวอย่าง: บางคนใช้ AI เพื่อสร้างวิดีโอแอนิเมชั่นสั้นๆ หรือวิดีโออธิบายเรื่องราวต่างๆ โดยใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างภาพและเสียง ซึ่งช่วยให้ผลิตวิดีโอได้เร็วขึ้นมาก
    • ช่อง YouTube ที่สร้างเนื้อหาด้วย AI กราฟิกดีไซน์: บางช่องเน้นสอนวิธีใช้ AI สร้างงานกราฟิกดีไซน์สำหรับร้านค้า Etsy และสร้างรายได้จาก AdSense และ Affiliate Marketing จากเครื่องมือ AI ที่พวกเขาโปรโมท
  • ศิลปินและนักออกแบบ:
    • AI Art และภาพประกอบ: ศิลปินหลายคนใช้เครื่องมือ AI (เช่น Midjourney, Stable Diffusion) ในการสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัล ภาพประกอบ หรือแม้แต่ภาพสำหรับสินค้า เช่น เสื้อยืด เคสโทรศัพท์ เพื่อขายบนแพลตฟอร์มอย่าง Etsy, Print-on-Demand หรือ Gumroad
    • ตัวอย่าง: "Imagined with AI" เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจากการสร้างภาพบุคคลที่สร้างโดย AI และสามารถสร้างรายได้ $54K ต่อปี โดยใช้ AI สร้างภาพกว่า 234,000 ภาพ
  • ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ:
    • คำอธิบายสินค้าและเนื้อหาการตลาด: ร้านค้าออนไลน์ใช้ AI เพื่อเขียนคำอธิบายสินค้า สร้างเนื้อหาสำหรับหน้า Landing Page หรือแม้แต่สร้างแคมเปญโฆษณา ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจ้างนักเขียน
    • ตัวอย่าง: ร้านค้า TikTok บางร้านใช้ AI ในการออกแบบลวดลายสำหรับเสื้อยืดหรือเคสโทรศัพท์ที่ผลิตแบบ Print-on-Demand แล้วขายผ่าน TikTok Shop ทำยอดขายได้เป็นหลักหมื่นถึงหลักแสนดอลลาร์
  • ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์:
    • แอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI: บางคนใช้ AI ในการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ใช้ AI ในการทำงานเฉพาะด้าน เช่น แอปช่วยสรุปเนื้อหา หรือ Chatbot เพื่อการบริการลูกค้า
    • ตัวอย่าง: มีสตาร์ทอัพหลายแห่งที่สร้างแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาโดยเฉพาะ เช่น Scalenut (AI-powered SEO and content marketing platform) ที่ทำรายได้กว่า $1.2 ล้านต่อปี และ Nichesss ($360K/ปี) ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหา AI

ประเด็นสำคัญ:
  • AI เป็นเครื่องมือ: คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้แค่ "กดปุ่ม" ให้ AI สร้างเนื้อหาออกมาแล้วโพสต์เลย แต่พวกเขาใช้ AI เป็นเครื่องมือในการช่วยสร้างสรรค์ ร่างเนื้อหา หรือช่วยงานที่ซ้ำซาก เพื่อให้พวกเขาสามารถโฟกัสกับการปรับแต่ง เพิ่มคุณค่า และสร้างความเฉพาะตัวให้กับเนื้อหาได้มากขึ้น
  • คุณภาพยังสำคัญ: แม้ AI จะช่วยผลิตเนื้อหาได้เร็ว แต่เนื้อหาที่สร้างโดย AI มักต้องการการตรวจสอบ ปรับแต่ง และทำให้เป็น "มนุษย์" มากขึ้น เพื่อให้มีคุณภาพสูงและดึงดูดผู้ชม
  • ช่องทางหลากหลาย: การสร้างรายได้จากเนื้อหา AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แพลตฟอร์มเดียว แต่สามารถทำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขายตรง การโฆษณา Affiliate Marketing หรือการนำเสนอเป็นบริการ

การเติบโตของ AI ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้จากการสร้างสรรค์เนื้อหา แต่ก็ต้องอาศัยความเข้าใจในการใช้เครื่องมือและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ควบคู่กันไป

สรุปสถิติแพลตฟอร์ม AI ที่ได้รับความนิยมและใช้มากสุด

ในขณะนี้ (กลางปี 2025) แพลตฟอร์ม AI ที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานมากที่สุดสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มตามวัตถุประสงค์การใช้งานหลักๆ ดังนี้:

1. แพลตฟอร์ม AI แบบ Chatbot และ Generative AI (การสร้างข้อความ รูปภาพ เสียง):

  • ChatGPT (OpenAI): ยังคงครองอันดับ 1 อย่างแข็งแกร่งในฐานะ AI Chatbot ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นเครื่องมือ Generative AI ที่คนทั่วไปใช้งานมากที่สุด มีสัดส่วนการเข้าชมเว็บไซต์สูงถึง 60% ของทั้งหมดในปี 2023 และยังคงเป็นผู้นำในปี 2024-2025 ด้วยความสามารถในการสร้างข้อความเหมือนมนุษย์ การเขียนโค้ด การระดมสมอง และอื่นๆ อีกมากมาย

  • Google Gemini (เดิมคือ Google Bard): คู่แข่งสำคัญของ ChatGPT ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Google ได้ลงทุนอย่างมหาศาลในการพัฒนา Gemini ให้เป็น AI แบบ multimodal ที่สามารถเข้าใจและสร้างข้อความ รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆ ได้

  • Microsoft Copilot: เป็น AI ที่ผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft 365 ซึ่งใช้โมเดลของ OpenAI (GPT-4, DALL-E 3, GPT-4o) ทำให้ผู้ใช้งาน Microsoft ทั่วโลกสามารถเข้าถึงความสามารถของ AI ได้โดยตรงในแอปพลิเคชันที่ใช้ทำงานอยู่แล้ว
  • Perplexity AI: เป็นเครื่องมือค้นหาแบบสนทนาที่เน้นการให้คำตอบที่กระชับ แม่นยำ พร้อมแหล่งอ้างอิง ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
  • Claude (Anthropic): ผู้ช่วย AI สนทนาที่เน้นความปลอดภัยของ AI และการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ซื่อสัตย์ และไม่เป็นอันตราย



2. แพลตฟอร์ม AI สำหรับการสร้างภาพ (AI Image Generation):

  • Midjourney: เป็นผู้นำในด้านการสร้างภาพจากข้อความ (text-to-image) ที่มีความสวยงามและคุณภาพสูง ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักสร้างสรรค์และศิลปินดิจิทัล
  • DALL-E (OpenAI): เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสำหรับการสร้างภาพจากข้อความ และมักถูกผนวกเข้ากับ ChatGPT หรือ Microsoft Copilot

3. แพลตฟอร์ม AI สำหรับธุรกิจและนักพัฒนา (Enterprise AI Platforms & ML Platforms):

  • Google Cloud AI Platform: เป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมสำหรับนักพัฒนาและธุรกิจในการสร้าง ทดสอบ และปรับใช้โมเดล Machine Learning และ AI รวมถึงบริการต่างๆ เช่น AutoML, Natural Language API, Vision API และ TensorFlow Integration
  • Microsoft Azure AI: เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มคลาวด์ AI ขนาดใหญ่ที่นำเสนอชุดบริการ AI ที่หลากหลายสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันอัจฉริยะ รวมถึง Azure Machine Learning, Azure Cognitive Services
  • Amazon Web Services (AWS) AI: นำเสนอชุดบริการ AI ที่กว้างขวาง เช่น Amazon SageMaker สำหรับการสร้างและปรับใช้โมเดล ML, Rekognition สำหรับการวิเคราะห์ภาพและวิดีโอ, Comprehend สำหรับ NLP และ Polly สำหรับ text-to-speech
  • IBM Watson: เป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในด้าน AI ด้านสุขภาพ, การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
  • H2O.ai: แพลตฟอร์ม AI แบบโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมสำหรับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักพัฒนา โดยมีไลบรารีเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับการเรียนรู้ของเครื่องและการเรียนรู้เชิงลึก

4. แพลตฟอร์ม AI สำหรับการทำงานเฉพาะทาง:

  • Canva (Magic Studio): แม้จะเป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิก แต่ฟังก์ชัน Magic Studio ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ Canva กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกสำหรับการออกแบบ สร้างภาพ และช่วยในการเขียน
  • Jasper AI: เป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับการสร้างเนื้อหาโดยเฉพาะ (เน้นข้อความ) ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักการตลาดและนักเขียน
  • Grammarly: เครื่องมือ AI สำหรับการตรวจสอบไวยากรณ์และการปรับปรุงการเขียนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
  • QuillBot: ผู้ช่วยเขียน AI ที่ช่วยในการถอดความ (paraphrasing), ตรวจสอบไวยากรณ์, ตรวจจับการลอกเลียนแบบ และสรุปเนื้อหา
  • Suno: แพลตฟอร์ม AI สำหรับสร้างเพลงจากข้อความ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
  • Fireflies: แพลตฟอร์ม AI สำหรับการบันทึกและสรุปการประชุมโดยอัตโนมัติ

แนวโน้มโดยรวม:

  • Generative AI ครองตลาด: เครื่องมือ AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในหมู่ผู้ใช้ทั่วไปและภาคธุรกิจ
  • การบูรณาการ AI เข้ากับเครื่องมือเดิม: แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันยอดนิยมจำนวนมากเริ่มผนวกความสามารถของ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ของตน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งาน
  • AI สำหรับนักพัฒนาและองค์กร: แพลตฟอร์มคลาวด์ AI ของผู้ให้บริการรายใหญ่ (Google, Microsoft, AWS) ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับธุรกิจในการสร้างและปรับใช้โซลูชัน AI ที่ซับซ้อน

สถิติการใช้งานอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามนวัตกรรมใหม่ๆ และการพัฒนาของเทคโนโลยี AI ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


สรุปสถิติข้อมูลล่าสุดในปี 2024-2025 การใช้ AI ยอดนิยมทั่วโลกและสหรัฐฯ สร้างรายได้ ช่วยเหลือธุรกิจ


อ้างอิงแหล่งที่มาข้อมูลล่าสุด


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความลับจินตนาการ ดึงดูดสร้างความสำเร็จ !! โดย Neville Goddard [เนวิลล์ ก็อดดาร์ด] บุคคลสำคัญแห่งโลก

คัมภีร์เปลี่ยนชีวิต สะกดจิต ผลิตเงินล้าน รวมสูตรลับความสำเร็จ กฎแรงดึงดูด [Law of Attraction] พิสูจน์สิ่งมหัศจรรย์ด้วยตัวคุณเอง #ภาพยนตร์สารคดีวิทยาศาสตร์ " I Am : Tom Shadyac "

สมาธิเรกิทำงานอย่างไร? และขั้นตอนการฝึกสมาธิสาขพลังงาน #เรกิ