มือใหม่รู้จัก 4 ระยะของวัฏจักรตลาด (Market Cycle)
Cycle ของตลาดแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลักๆ ดังนี้:
- ระยะสะสมหรือขยายตัว (Accumulation or expansion)
- ระยะเติบโต (Markup or peak)
- ระยะหดตัว (Distribution or contraction)
- ระยะถดถอย (Markdown or trough)
วัฏจักรตลาดมีความคล้ายคลึงกับวัฏจักรของธุรกิจมากๆ และมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย มาดูรายละเอียดในแต่ละช่วงของวัฏจักรตลาดกันดีกว่า:
วัฏจักรตลาด (Market cycle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องเฝ้าติดตาม เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดต่อไป โดยในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกขั้นประเด็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของตลาด พร้อมทั้งสาเหตุที่ขับเคลื่อนตลาด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!การทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาด
วัฏจักรในตลาดจะมีอยู่เป็นพื้นฐานเนื่องจากมีวัฏจักรในระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอื่นๆ วัฏจักรเศรษฐกิจไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อกรอบความคิดทางจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย พวกเขาไม่ค่อยถือตำแหน่งอย่างมีเหตุผลและมั่นคง และเมื่อตลาดพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนจะมองโลกในแง่ดีและเต็มใจที่จะเสี่ยง พวกเขาจะเข้าซื้อหุ้นแล้วราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อารมณ์ตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนั้นนักลงทุนก็เริ่มขายและราคาหลักทรัพย์ก็ปรับตัวลง
ระยะสะสม (Accumulation)
ในจัวหวะที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ตลาดก็ขยายตัวเช่นกัน ทำให้เราสังเกตเห็นสถานการณ์ว่าราคาส่วนใหญ่จะมีการปรับตัวขึ้น โดยอาจต้องใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้ราคาเพิ่มขึ้นสะสมไปเรื่อยๆ
ระยะเติบโต (Markup)
เมื่อแรงซื้อถึงจุดสูงสุด เราอาจเห็นระยะที่เรียกว่า Markup หรือจังหวะที่นักลงทุนเริ่มไม่สนใจซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอีกต่อไป เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระยะการหดตัว (Distribution) ในไม่ช้า
ระยะหดตัว (Distribution)
ระยะต่อมาเป็นจังหวะที่ตลาดปรับตัวลง หรือที่เรียกว่าสภาวะตลาดถดถอย ซึ่งอาจนำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายของวัฏจักรตลาดในที่สุด
ระยะถดถอย (Markdown)
ในระยะนี้ ตลาดจะร่วงลงสู่จุดต่ำสุด ก่อนจะเริ่มวัฏจักรใหม่และเปลี่ยนไปสู่ระยะสะสมหรือขยายตัวต่อไป
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนวัฏจักรตลาด (Major Market Cycle Driver)
วัฏจักรของตลาดถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น:
- อัตราเงินเฟ้อ (Inflation rate)
- อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic growth)
- อัตราดอกเบี้ย (Interest rates)
- อัตราการว่างงาน (Unemployment level)
เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ตลาดจะมีการปรับตัวขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจมีการเติบโตตาม อย่างไรก็แล้วแต่ การเติบโตของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นสัญญาณของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและอาจเข้าสู่สภาวะถดถอยในที่สุด
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาความเชื่อมั่นของตลาดเพื่อนำมาระยะของวัฏจักรตลาดได้เช่นกัน โดยนักเทรดจะต้องระบุให้ได้ว่าช่วงเวลานั้นๆ เป็นจังหวะที่นักลงทุนแย่งชิงเพื่อซื้อสินทรัพย์ หรือเป็นจังหวะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น
อิทธิพลของวัฏจักรตลาดต่อมูลค่าสินทรัพย์
สิ้นสุดวัฏจักรตลาด
ความยาวนานของวัฏจักรตลาดแต่ละรอบนั้นอาจไม่ต่างกันมาก แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีระยะเวลาเท่ากันเสมอไปป อย่างไรก็ตาม ระยะแรกจะมีช่วงเวลาเฉลี่ยที่ 1/6 ของระยะวัฏจักรทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือเมื่อวัฏจักรสิ้นสุดลง ย่อมมีการเกิดวัฏจักรใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากนักลงทุนสามารถคำนวณระยะที่วัฏจักรจะสิ้นสุดได้ ก็จะสามารถคาดการณ์ทิศทางของเทรนด์ได้อย่างแน่นอน
ช่วงเวลาของวัฏจักรตลาด
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว บางวัฏจักรอาจใช้เวลานานหลายปี ขณะที่บางวัฏจักรอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาด
ตัวบ่งชี้วัฏจักรตลาด (Market Cycle Indicator)
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ใช้คาดการณ์วัฏจักรของตลาดได้ โดยมีอินดิเคเตอร์หลายๆ ตัวที่เหมาะสำหรับใช้คาดการณ์วัฏจักรตลาด ไม่ว่าจะเป็น CCI, DPO และอีกมากมาย
CCI ใช้ได้ผลดีสำหรับการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ และยังมีประโยชน์สำหรับการเทรดและ Forex ด้วยเช่นกัน ขณะที่อินดิเคเตอร์ DPO เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุสภาวะตลาด Oversold และ Overbought ได้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการดูว่าวัฏจักรจะสิ้นสุดหรือเริ่มใหม่ตอนไหน
ประเภทของวัฏจักรตลาด
วัฏจักรตลาดมีหลายประเภท เดี๋ยวเราจะพิจารณาแค่ประเภทหลักๆ: สากล (วัฏจักรตลาด Wyckoff), ตลาด Wall Street, ตลาด forex และวัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์
1.วัฏจักรตลาด Wyckoff
วัฏจักรตลาด Wyckoff มีพื้นฐานมาจากการสังเกตราคา, ช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาแนวโน้ม, และช่วงเวลาของการสะสมและการแจกจ่าย แม้ว่าวิธีการของ Wyckoff เดิมจะเน้นไปที่ตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้นำไปใช้กับตลาดการเงินทุกประเภทแล้ว
วัฏจักรตลาด Wyckoff ประกอบด้วยสี่ระยะหลัก: ระยะสะสม ระยะไล่ราคา ระยะแจกจ่าย และระยะดิ่งเหว
- ระยะสะสมจะสร้างกรอบการซื้อขาย ที่เรียกว่าผู้ดูแลสภาพคล่องจะสะสมสินทรัพย์ก่อนที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะทำ ระยะนี้จะมีการเคลื่อนไหวแบบราบเรียบ การสะสมจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงราคาที่มีนัยสำคัญ
- ในระยะไล่ราคา ตลาดจะเริ่มเติบโตในขาขึ้น แนวโน้มจะก่อตัวขึ้นซึ่งมันจะค่อยๆดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อตลาดขยับขึ้น นักลงทุนรายอื่นจะถูกดึงดูดให้เข้าสู่ตลาดและซื้อสินทรัพย์ ซึ่งความตื่นเต้นนี้จะส่งผลให้คนที่อยากจะเข้าร่วมอยู่แล้ว กระโดดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาเช่นนี้ จะมีอุปสงค์จะสูงกว่าอุปทานเยอะมาก
- ต่อมาคือระยะแจกจ่ายของสินทรัพย์ที่ซื้อมา ผู้ขายจะขายตำแหน่งที่ได้กำไรให้กับผู้ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงท้าย ตามกฎแล้ว ระยะแจกจ่ายจะถูกระบุด้วยการเคลื่อนไหวแบบราบ ซึ่งจะดูดซับความต้องการไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหมดลง
- ระยะสุดท้ายของการเคลื่อนไหวของราคาด้วยวิธี Wyckoff คือระยะดิ่งเหว ในช่วงนี้ อุปทานจะเข้าครองตลาดและราคาจะดิ่งลงแทบไม่หยุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขาย ตลาดก็เริ่มจะเคลื่อนตัวเป็นขาลง ในที่สุด อุปทานก็จะมีมากกว่าอุปสงค์ และแนวโน้มขาลงก็เริ่มขึ้น
วัฏจักรตลาด forex มีหลายประเภท และประเภทและคุณสมบัติของมันไม่จำกัดเฉพาะค่าพารามิเตอร์หรือกรอบเวลาเดียวเท่านั้น มาดูวัฏจักรการหดตัวและการคลายตัวของ forex ที่พบบ่อยที่สุดซึ่งมีสี่ระยะ: ระยะเติบโต ระยะอิ่มตัว ระยะถดถอย (หรือการหดตัว) และระยะฟื้นตัว
itptแรกของวัฏจักรคือระยะเติบโต ในระยะนี้ ตลาดจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า ความสนใจของผู้เข้าร่วมตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น และพวกเขาก็เริ่มลงมือ: ซื้อในช่วงขาขึ้นหรือขายในช่วงขาลง ยิ่งผู้เข้าร่วมมีการซื้อขายอย่างคึกคักมากเท่าไหร่ แนวโน้มก็จะยิ่งเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
ระยะถัดไปคือระยะอิ่มตัว ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เช่น ปริมาณการผลิตและการขาย การจ้างงาน ฯลฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดและไม่เติบโตอีกต่อไป ในระยะนี้ แนวโน้มได้หมดแังลงแล้ว และการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วก็เริ่มหยุดลง
จากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะถดถอย หุ้นร่วงลงไปแล้ว และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มปรับตัวลงตามความคาดหมายว่าอุปสงค์จะลดลงในตอนที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ที่ระยะนี้ นักลงทุนจะปิดคำสั่งซื้อขายของตน
ระยะสุดท้ายของวัฏจักรแนวโน้มคือระยะฟื้นตัว ลักษณะเฉพาะของระยะนี้คือความสงบของตลาดและการเปลี่ยนแปลงราคาที่ไม่มีนัยสำคัญ ในช่วงเวลานี้ ตลาดกำลังสะสมความแข็งแกร่งและรวบรวมพลังหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ถดถอยอีกต่อไป แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่อยู่ในระยะเติบโต
3.วัฏจักรตลาด Wall Street
วัฏจักรตลาด Wall Street นั้นคล้ายคลึงกับวัฏจักรของ Wyckoff ทั้งคู่ต่างก็มีระยะสะสม, ระยะไล่ราคา, ระยะแจกจ่าย, และระยะดิ่งเหว
มีสี่ระยะอารมณ์ของวัฏจักรตลาด wall street บนแผนภูมิ: ระยะแอบซ่อน, ระยะรับรู้, ระยะบ้าคลั่ง, ระยะระเบิด
ระยะแรกจะคล้ายๆ กับระยะสะสมในวัฏจักรของ Wyckoff ซึ่งมันจะถูกเรียกว่าระยะแอบซ่อน ในระยะนี้ ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ และผู้ทำเงินจะหาโอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ
ระยะที่สองคือระยะรับรู้ ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง แต่นักลงทุนจะไม่ปล่อยให้การป้องกันของตนลดลง หากพวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าสู่ตลาดอีกครั้งพวกเขาจะระมัดระวัง
สูงสุดของวัฏจักรตลาดคือระยะบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงสุด นี่คือช่วงเวลาที่นักลงทุนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นได้ ดังนั้น วงจรการพึ่งพาตนเองจึงเกิดขึ้น: นักลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเข้าสู่ตลาดโดยหวังว่าจะทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวสูงขึ้นอีกของราคา และมูลค่าตลาดก็จะสูงซะจนน่าเวียนหัว
จากนั้นฟองสบู่ก็แตกและตลาดเข้าสู่ระยะระเบิด เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มขาลง นักลงทุนต่างสูญเสียความหวังและเริ่มตื่นตระหนก พวกเขาไม่มั่นใจในการกระทำของตนอีกต่อไปและพยายามลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด สุดท้ายบางคนก็สูญสิ้นกำลังใจและไม่เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวอีกต่อไป
4.วัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์
ระยะฟื้นตัวเป็นระยะที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังจากระยะถดถอย จำนวนธุรกรรมค่อยๆเพิ่มขึ้นและหุ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ก็ลดลง: อุปสงค์เริ่มดูดซับอุปทานส่วนเกินที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างระยะเติบโต
ระยะเติบโตถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อของประชากร วัฏจักรตลาดเข้าสู่ระยะนี้ในตอนที่ระดับของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ลดลงเหลือน้อยที่สุด และในทางกลับกัน ความสนใจของผู้ซื้อจะเพิ่มสูงขึ้น ณ จุดนี้ นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น
เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนจะหยุดให้ความสนใจกับราคาที่ดินที่สูงเกินจริงหรือตัวโครงการเอง โดยเชื่อว่าราคาและอัตราค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นอีกในวันข้างหน้าจะช่วยชดเชยต้นทุนของพวกเขา ซึ่งนั่นจะเป็นตอนที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเริ่มเกินกำลังซื้อที่แท้จริงของประชากรและธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด และจำนวนธุรกรรมเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน การก่อสร้างวัตถุต่างๆที่ได้เริ่มขึ้นในช่วงระยะเติบโตจะไม่สามารถหยุดได้ในชั่วข้ามคืน และตลาดจะอิ่มตัวมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อตัวของฟองสบู่
ระยะถดถอยจะปรากฏในราคาและอัตราค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งไม่เพียงได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังมาจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์อีกด้วย ในระยะถดถอย นักลงทุนจะหยุดโครงการใหม่ไและอัตราการก่อสร้างก็ลดลง
สรุปเกี่ยวกับวัฏจักรตลาด
การทำความเข้าใจและจับวัฏจักรตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดให้ประสบความสำเร็จและได้กำไรตามต้อง1.การ อีกทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญต่อการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตฯ และตลาดอื่นๆ รวมถึงการเทรด CFD และอนุพันธ์เช่นกัน โดยวัฏจักรของตลาดจะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเทรดขาขึ้นหรือขาลงดีกว่ากัน
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิงค์แหล่งที่มาบทความอ่านเพิ่มเติมตามลิงค์
1.บทความบางส่วนจาก mtrading.com/th By MTrading
2.บทความบางส่วนและภาพประกอบ จาก fbs.co.th/analytics/tips By FBS
มือใหม่เริ่มต้นลงทุน สิ่งที่ควรทำก่อนอันดับแรก คือ ความรู้ ซึ่งความรู้มีหลายแหล่งที่สามารถค้นหาได้ อาทิ หนังสือ , E-book , โซเซียลมิเดีย , เว็ปไซต์ออนไลน์ , เรียนกับโค้ช ครู หรือแหล่งอื่นๆ
นี่คือหนังสือE-book ที่ผู้เขียนได้จัดทำขึ้นมาสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ เนื่องจากผู้เขียนเคยเป็นมือใหม่ในการลงทุนมาก่อนแลเจอปัญหาด้วยตนเอง จึงเขียนมาจากประสบการณ์โดยตรงเพื่อให้มือใหม่เข้ามาแล้วไม่เจ็บ หากเข้าใจหลักการพื้นฐาน รู้ทันเกมตลาด
"เปลี่ยน 1,000 ให้เป็นล้าน : Crypto: คริปโตสำหรับมือใหม่: เข้าใจง่าย ไม่เจ็บตัว"
เริ่มต้นด้วยเงินหลักพันเข้าใจพื้นฐาน รู้ทันตลาด ใช้ได้จริง
อัดแน่นด้วยกลยุทธ์พื้นฐาน + เคล็ดลับ Mindset ที่ใช้ได้จริง เข้าใจวิธีเลือกเหรียญปรับพอร์ต จัดความเสี่ยง และไม่ตกเป็นเหยื่อในตลาด
สอนด้วยภาษาง่ายๆ เหมือนมีเพื่อนช่วยแนะนำทีละขั้นตอน
เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่อยาก "เจ็บตัว" ด้วยความไม่รู้
เครื่องมือการลงทุนคริปโตสำหรับมือใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ “เล่นตามกระแส” แต่เป็น “แผนการลงทุน” เข้าใจเหรียญ เข้าใจจังหวะตลาด รู้จักจัดพอร์ตอย่างมือโปร พร้อมเทคนิคลดความเสี่ยง
เปลี่ยน 1,000 บาทของวันนี้ ให้เป็นอนาคตที่มั่นคง
มือใหม่…แต่โตเป็นมือโปร ด้วยแผนที่ในเล่มนี้
อ่านตัวอย่างและเนื้อหา (((คลิกที่นี่หรือที่รูปภาพปกหนังสือ)))
ความคิดเห็น