มือใหม่รู้จัก 4 ระยะของวัฏจักรตลาด (Market Cycle)

 

วัฏจักรของตลาด คือ รูปแบบหรือแนวโน้มที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในตลาดต่างๆ มันจะแสดงถึงช่วงเวลาระหว่างสองจุดราคาต่ำสุดหรือสูงสุด โดยปกติ วัฏจักรตลาดใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มก่อตัวขึ้นในภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมเฉพาะอันเนื่องมาจากนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ
ความยาวนานของวัฏจักรตลาด : อาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับตลาด มีแง่มุมที่แตกต่างกันของวัฏจักร: ตัวอย่างเช่น เดย์เทรดเดอร์จะโฟกัสไปที่ช่วงเวลา 15-60 นาที ในขณะที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะวิเคราะห์ช่วงเวลาสูงสุดถึง 20 ปี

4 ระยะของวัฏจักรตลาด

Cycle ของตลาดแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลักๆ ดังนี้:

  1. ระยะสะสมหรือขยายตัว (Accumulation or expansion)
  2. ระยะเติบโต (Markup or peak)
  3. ระยะหดตัว (Distribution or contraction)
  4. ระยะถดถอย (Markdown or trough)

วัฏจักรตลาดมีความคล้ายคลึงกับวัฏจักรของธุรกิจมากๆ และมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย มาดูรายละเอียดในแต่ละช่วงของวัฏจักรตลาดกันดีกว่า:

วัฏจักรตลาด (Market cycle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องเฝ้าติดตาม เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดต่อไป โดยในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกขั้นประเด็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของตลาด พร้อมทั้งสาเหตุที่ขับเคลื่อนตลาด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

การทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาด


วัฏจักรในตลาดจะมีอยู่เป็นพื้นฐานเนื่องจากมีวัฏจักรในระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอื่นๆ วัฏจักรเศรษฐกิจไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อกรอบความคิดทางจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย พวกเขาไม่ค่อยถือตำแหน่งอย่างมีเหตุผลและมั่นคง และเมื่อตลาดพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนจะมองโลกในแง่ดีและเต็มใจที่จะเสี่ยง พวกเขาจะเข้าซื้อหุ้นแล้วราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อารมณ์ตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนั้นนักลงทุนก็เริ่มขายและราคาหลักทรัพย์ก็ปรับตัวลง

ระยะสะสม (Accumulation)

ในจัวหวะที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ตลาดก็ขยายตัวเช่นกัน ทำให้เราสังเกตเห็นสถานการณ์ว่าราคาส่วนใหญ่จะมีการปรับตัวขึ้น โดยอาจต้องใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้ราคาเพิ่มขึ้นสะสมไปเรื่อยๆ

ระยะเติบโต (Markup)

เมื่อแรงซื้อถึงจุดสูงสุด เราอาจเห็นระยะที่เรียกว่า Markup หรือจังหวะที่นักลงทุนเริ่มไม่สนใจซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอีกต่อไป เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระยะการหดตัว (Distribution) ในไม่ช้า

ระยะหดตัว (Distribution)

ระยะต่อมาเป็นจังหวะที่ตลาดปรับตัวลง หรือที่เรียกว่าสภาวะตลาดถดถอย ซึ่งอาจนำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายของวัฏจักรตลาดในที่สุด

ระยะถดถอย (Markdown)

ในระยะนี้ ตลาดจะร่วงลงสู่จุดต่ำสุด ก่อนจะเริ่มวัฏจักรใหม่และเปลี่ยนไปสู่ระยะสะสมหรือขยายตัวต่อไป


ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนวัฏจักรตลาด (Major Market Cycle Driver)

วัฏจักรของตลาดถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น:

  • อัตราเงินเฟ้อ (Inflation rate)
  • อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic growth)
  • อัตราดอกเบี้ย (Interest rates)
  • อัตราการว่างงาน (Unemployment level)

เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ตลาดจะมีการปรับตัวขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจมีการเติบโตตาม อย่างไรก็แล้วแต่ การเติบโตของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นสัญญาณของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและอาจเข้าสู่สภาวะถดถอยในที่สุด

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาความเชื่อมั่นของตลาดเพื่อนำมาระยะของวัฏจักรตลาดได้เช่นกัน โดยนักเทรดจะต้องระบุให้ได้ว่าช่วงเวลานั้นๆ เป็นจังหวะที่นักลงทุนแย่งชิงเพื่อซื้อสินทรัพย์ หรือเป็นจังหวะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น


อิทธิพลของวัฏจักรตลาดต่อมูลค่าสินทรัพย์

หลักการสำคัญคือการทำตามแนวคิดที่ว่า "ทุกการกระทำนำไปสู่ปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามหรือเท่าเดิม" พูดง่ายๆ คือหากมูลค่าสินทรัพย์ลดลงหรือเพิ่มขึ้น ความเคลื่อนไหวต่อไปที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นทิศทางตรงข้าม

การจะลงทุนให้สำเร็จ นักเทรดจะต้องมีกลยถทธิ์ที่ใช้ได้ผลจริงในสภาวะตลาดหลายๆ แบบ ที่สำคัญ นักเทรดจะต้องมีเทคนิคการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ขณะที่นักเทรดผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเลือกใช้ทฤษฎี Elliot wave  นักเทรดบางกลุ่มอาจใช้เครื่องมือบนโปรแกรมช่วยเทรดในแพลตฟอร์มต่างๆที่จดทะเบียนและเชื่อถือได้ เช่นเครื่องมือบนโปรแกรม MT4 กรณี Forex  ในการคาดการณ์ตลาดและหาจุดสูงสุดและต่ำสุดแทน

สิ้นสุดวัฏจักรตลาด

ความยาวนานของวัฏจักรตลาดแต่ละรอบนั้นอาจไม่ต่างกันมาก แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีระยะเวลาเท่ากันเสมอไปป อย่างไรก็ตาม ระยะแรกจะมีช่วงเวลาเฉลี่ยที่ 1/6 ของระยะวัฏจักรทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือเมื่อวัฏจักรสิ้นสุดลง ย่อมมีการเกิดวัฏจักรใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากนักลงทุนสามารถคำนวณระยะที่วัฏจักรจะสิ้นสุดได้ ก็จะสามารถคาดการณ์ทิศทางของเทรนด์ได้อย่างแน่นอน

ช่วงเวลาของวัฏจักรตลาด

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว บางวัฏจักรอาจใช้เวลานานหลายปี ขณะที่บางวัฏจักรอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาด


ตัวบ่งชี้วัฏจักรตลาด (Market Cycle Indicator)

การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ใช้คาดการณ์วัฏจักรของตลาดได้ โดยมีอินดิเคเตอร์หลายๆ ตัวที่เหมาะสำหรับใช้คาดการณ์วัฏจักรตลาด ไม่ว่าจะเป็น CCI, DPO และอีกมากมาย

CCI ใช้ได้ผลดีสำหรับการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ และยังมีประโยชน์สำหรับการเทรดและ Forex ด้วยเช่นกัน ขณะที่อินดิเคเตอร์ DPO เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุสภาวะตลาด Oversold และ Overbought ได้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการดูว่าวัฏจักรจะสิ้นสุดหรือเริ่มใหม่ตอนไหน

ประเภทของวัฏจักรตลาด


วัฏจักรตลาดมีหลายประเภท เดี๋ยวเราจะพิจารณาแค่ประเภทหลักๆ: สากล (วัฏจักรตลาด Wyckoff), ตลาด Wall Street, ตลาด forex และวัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์


1.วัฏจักรตลาด Wyckoff


วัฏจักรตลาดของ Wyckoff มีสี่ระยะ: ระยะสะสม ระยะไล่ราคา ระยะแจกจ่าย ระยะดิ่งเหว


วัฏจักรตลาด Wyckoff มีพื้นฐานมาจากการสังเกตราคา, ช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาแนวโน้ม, และช่วงเวลาของการสะสมและการแจกจ่าย แม้ว่าวิธีการของ Wyckoff เดิมจะเน้นไปที่ตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้นำไปใช้กับตลาดการเงินทุกประเภทแล้ว

วัฏจักรตลาด Wyckoff ประกอบด้วยสี่ระยะหลัก: ระยะสะสม ระยะไล่ราคา ระยะแจกจ่าย และระยะดิ่งเหว

  1. ระยะสะสมจะสร้างกรอบการซื้อขาย ที่เรียกว่าผู้ดูแลสภาพคล่องจะสะสมสินทรัพย์ก่อนที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะทำ ระยะนี้จะมีการเคลื่อนไหวแบบราบเรียบ การสะสมจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงราคาที่มีนัยสำคัญ
  2. ในระยะไล่ราคา ตลาดจะเริ่มเติบโตในขาขึ้น แนวโน้มจะก่อตัวขึ้นซึ่งมันจะค่อยๆดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อตลาดขยับขึ้น นักลงทุนรายอื่นจะถูกดึงดูดให้เข้าสู่ตลาดและซื้อสินทรัพย์ ซึ่งความตื่นเต้นนี้จะส่งผลให้คนที่อยากจะเข้าร่วมอยู่แล้ว กระโดดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาเช่นนี้ จะมีอุปสงค์จะสูงกว่าอุปทานเยอะมาก
  3. ต่อมาคือระยะแจกจ่ายของสินทรัพย์ที่ซื้อมา ผู้ขายจะขายตำแหน่งที่ได้กำไรให้กับผู้ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงท้าย ตามกฎแล้ว ระยะแจกจ่ายจะถูกระบุด้วยการเคลื่อนไหวแบบราบ ซึ่งจะดูดซับความต้องการไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหมดลง
  4. ระยะสุดท้ายของการเคลื่อนไหวของราคาด้วยวิธี Wyckoff คือระยะดิ่งเหว ในช่วงนี้ อุปทานจะเข้าครองตลาดและราคาจะดิ่งลงแทบไม่หยุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขาย ตลาดก็เริ่มจะเคลื่อนตัวเป็นขาลง ในที่สุด อุปทานก็จะมีมากกว่าอุปสงค์ และแนวโน้มขาลงก็เริ่มขึ้น


2.วัฏจักรตลาด Forex


วัฏจักรตลาด forex มีหลายประเภท และประเภทและคุณสมบัติของมันไม่จำกัดเฉพาะค่าพารามิเตอร์หรือกรอบเวลาเดียวเท่านั้น มาดูวัฏจักรการหดตัวและการคลายตัวของ forex ที่พบบ่อยที่สุดซึ่งมีสี่ระยะ: ระยะเติบโต ระยะอิ่มตัว ระยะถดถอย (หรือการหดตัว) และระยะฟื้นตัว


itptแรกของวัฏจักรคือระยะเติบโต ในระยะนี้ ตลาดจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า ความสนใจของผู้เข้าร่วมตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น และพวกเขาก็เริ่มลงมือ: ซื้อในช่วงขาขึ้นหรือขายในช่วงขาลง ยิ่งผู้เข้าร่วมมีการซื้อขายอย่างคึกคักมากเท่าไหร่ แนวโน้มก็จะยิ่งเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น

ระยะถัดไปคือระยะอิ่มตัว ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เช่น ปริมาณการผลิตและการขาย การจ้างงาน ฯลฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดและไม่เติบโตอีกต่อไป ในระยะนี้ แนวโน้มได้หมดแังลงแล้ว และการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วก็เริ่มหยุดลง

จากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะถดถอย หุ้นร่วงลงไปแล้ว และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มปรับตัวลงตามความคาดหมายว่าอุปสงค์จะลดลงในตอนที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ที่ระยะนี้ นักลงทุนจะปิดคำสั่งซื้อขายของตน

ระยะสุดท้ายของวัฏจักรแนวโน้มคือระยะฟื้นตัว ลักษณะเฉพาะของระยะนี้คือความสงบของตลาดและการเปลี่ยนแปลงราคาที่ไม่มีนัยสำคัญ ในช่วงเวลานี้ ตลาดกำลังสะสมความแข็งแกร่งและรวบรวมพลังหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ถดถอยอีกต่อไป แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่อยู่ในระยะเติบโต


3.วัฏจักรตลาด Wall Street

วัฏจักรตลาด Wall Street นั้นคล้ายคลึงกับวัฏจักรของ Wyckoff ทั้งคู่ต่างก็มีระยะสะสม, ระยะไล่ราคา, ระยะแจกจ่าย, และระยะดิ่งเหว

มีสี่ระยะอารมณ์ของวัฏจักรตลาด wall street บนแผนภูมิ: ระยะแอบซ่อน, ระยะรับรู้, ระยะบ้าคลั่ง, ระยะระเบิด


ระยะแรกจะคล้ายๆ กับระยะสะสมในวัฏจักรของ Wyckoff ซึ่งมันจะถูกเรียกว่าระยะแอบซ่อน ในระยะนี้ ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ และผู้ทำเงินจะหาโอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ

ระยะที่สองคือระยะรับรู้ ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง แต่นักลงทุนจะไม่ปล่อยให้การป้องกันของตนลดลง หากพวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าสู่ตลาดอีกครั้งพวกเขาจะระมัดระวัง

สูงสุดของวัฏจักรตลาดคือระยะบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงสุด นี่คือช่วงเวลาที่นักลงทุนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นได้ ดังนั้น วงจรการพึ่งพาตนเองจึงเกิดขึ้น: นักลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเข้าสู่ตลาดโดยหวังว่าจะทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวสูงขึ้นอีกของราคา และมูลค่าตลาดก็จะสูงซะจนน่าเวียนหัว

จากนั้นฟองสบู่ก็แตกและตลาดเข้าสู่ระยะระเบิด เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มขาลง นักลงทุนต่างสูญเสียความหวังและเริ่มตื่นตระหนก พวกเขาไม่มั่นใจในการกระทำของตนอีกต่อไปและพยายามลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด สุดท้ายบางคนก็สูญสิ้นกำลังใจและไม่เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวอีกต่อไป

4.วัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์

ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีวัฏจักรแบบเฉพาะตัวเนื่องจากอุปทานมักจะไม่อาจตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วๆได้ทัน วัฏจักรนี้จะประกอบด้วยสี่ระยะหลักๆ: ระยะฟื้นตัว ระยะเติบโต ระยะอุปทานมากเกินไป และระยะถดถอย



ระยะฟื้นตัวเป็นระยะที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังจากระยะถดถอย จำนวนธุรกรรมค่อยๆเพิ่มขึ้นและหุ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ก็ลดลง: อุปสงค์เริ่มดูดซับอุปทานส่วนเกินที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างระยะเติบโต

ระยะเติบโตถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อของประชากร วัฏจักรตลาดเข้าสู่ระยะนี้ในตอนที่ระดับของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ลดลงเหลือน้อยที่สุด และในทางกลับกัน ความสนใจของผู้ซื้อจะเพิ่มสูงขึ้น ณ จุดนี้ นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนจะหยุดให้ความสนใจกับราคาที่ดินที่สูงเกินจริงหรือตัวโครงการเอง โดยเชื่อว่าราคาและอัตราค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นอีกในวันข้างหน้าจะช่วยชดเชยต้นทุนของพวกเขา ซึ่งนั่นจะเป็นตอนที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเริ่มเกินกำลังซื้อที่แท้จริงของประชากรและธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด และจำนวนธุรกรรมเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน การก่อสร้างวัตถุต่างๆที่ได้เริ่มขึ้นในช่วงระยะเติบโตจะไม่สามารถหยุดได้ในชั่วข้ามคืน และตลาดจะอิ่มตัวมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อตัวของฟองสบู่

ระยะถดถอยจะปรากฏในราคาและอัตราค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งไม่เพียงได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังมาจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์อีกด้วย ในระยะถดถอย นักลงทุนจะหยุดโครงการใหม่ไและอัตราการก่อสร้างก็ลดลง

สรุปเกี่ยวกับวัฏจักรตลาด

การทำความเข้าใจวัฏจักรตลาดที่เกิดซ้ำๆนั้นเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์วัฏจักรเชื่อว่ามีเพียงวัฏจักรเท่านั้นที่จะทำให้เราเห็นล่วงหน้าได้ว่าตลาดจะไปในทิศทางใด ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน: การวิเคราะห์วัฏจักรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคาดการณ์ตลาด

การทำความเข้าใจและจับวัฏจักรตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดให้ประสบความสำเร็จและได้กำไรตามต้อง1.การ อีกทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญต่อการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตฯ และตลาดอื่นๆ รวมถึงการเทรด CFD และอนุพันธ์เช่นกัน โดยวัฏจักรของตลาดจะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเทรดขาขึ้นหรือขาลงดีกว่ากัน

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิงค์แหล่งที่มาบทความอ่านเพิ่มเติมตามลิงค์

 1.บทความบางส่วนจาก mtrading.com/th  By MTrading 

2.บทความบางส่วนและภาพประกอบ จาก fbs.co.th/analytics/tips By FBS



มือใหม่เริ่มต้นลงทุน สิ่งที่ควรทำก่อนอันดับแรก คือ ความรู้ ซึ่งความรู้มีหลายแหล่งที่สามารถค้นหาได้ อาทิ หนังสือ , E-book , โซเซียลมิเดีย , เว็ปไซต์ออนไลน์ , เรียนกับโค้ช ครู หรือแหล่งอื่นๆ 

นี่คือหนังสือE-book ที่ผู้เขียนได้จัดทำขึ้นมาสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ เนื่องจากผู้เขียนเคยเป็นมือใหม่ในการลงทุนมาก่อนแลเจอปัญหาด้วยตนเอง จึงเขียนมาจากประสบการณ์โดยตรงเพื่อให้มือใหม่เข้ามาแล้วไม่เจ็บ หากเข้าใจหลักการพื้นฐาน รู้ทันเกมตลาด

"เปลี่ยน 1,000 ให้เป็นล้าน : Crypto: คริปโตสำหรับมือใหม่: เข้าใจง่าย ไม่เจ็บตัว"

เริ่มต้นด้วยเงินหลักพันเข้าใจพื้นฐาน รู้ทันตลาด ใช้ได้จริง

“มือใหม่แต่คิดแบบโปร”

อัดแน่นด้วยกลยุทธ์พื้นฐาน + เคล็ดลับ Mindset ที่ใช้ได้จริง เข้าใจวิธีเลือกเหรียญปรับพอร์ต จัดความเสี่ยง และไม่ตกเป็นเหยื่อในตลาด

สอนด้วยภาษาง่ายๆ เหมือนมีเพื่อนช่วยแนะนำทีละขั้นตอน

เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่อยาก "เจ็บตัว" ด้วยความไม่รู้

เครื่องมือการลงทุนคริปโตสำหรับมือใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ “เล่นตามกระแส” แต่เป็น “แผนการลงทุน” เข้าใจเหรียญ เข้าใจจังหวะตลาด รู้จักจัดพอร์ตอย่างมือโปร พร้อมเทคนิคลดความเสี่ยง

เปลี่ยน 1,000 บาทของวันนี้ ให้เป็นอนาคตที่มั่นคง

มือใหม่…แต่โตเป็นมือโปร ด้วยแผนที่ในเล่มนี้

อ่านตัวอย่างและเนื้อหา  (((คลิกที่นี่หรือที่รูปภาพปกหนังสือ)))





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความลับจินตนาการ ดึงดูดสร้างความสำเร็จ !! โดย Neville Goddard [เนวิลล์ ก็อดดาร์ด] บุคคลสำคัญแห่งโลก

คัมภีร์เปลี่ยนชีวิต สะกดจิต ผลิตเงินล้าน รวมสูตรลับความสำเร็จ กฎแรงดึงดูด [Law of Attraction] พิสูจน์สิ่งมหัศจรรย์ด้วยตัวคุณเอง #ภาพยนตร์สารคดีวิทยาศาสตร์ " I Am : Tom Shadyac "

สมาธิเรกิทำงานอย่างไร? และขั้นตอนการฝึกสมาธิสาขพลังงาน #เรกิ